เป็นปีที่เอสทุ่มการตลาดอย่างมาก มีการเคลื่อนไหวตลอดทั้งปีเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาดน้ำดำ เพื่อที่จะชิงพื้นที่ในใจผู้บริโภคให้ได้ ทั้งออกสินค้าใหม่ โปรโมชั่น และพรีเซ็นเตอร์
โดยที่โจทย์ในการทำตลาดของเอสแต่ละครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน จากที่ผ่านมาเอสเป็นน้องใหม่สุดในตลาดน้ำดำ จึงต้องใช้พลังในการสร้างการรับรู้พอสมควร โจทย์หลักจึงอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้คนเปิดใจทดลองดื่มเอส
ทำให้ได้เห็นแคมเปญทั้งโปรโมชั่นชิงโชคเพื่อกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค รวมถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์ระดับตัวท็อปอย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” เพื่อสร้างการรับรู้ในระดับวงกว้าง และมีการจับกระแสกีฬาวอลเลย์บอลด้วยการนำนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติเป็นพรีเซ็นเตอร์ เปิดแคมเปญ “เอส เชียร์ไทยสุดซี้ด” ในการเชียร์สู้ศึก Volleyball World Grand Prix 2016
ขณะเดียวกัน เอส ก็ต้องให้น้ำหนักกับการสร้างแบรนด์มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคดื่มเป็นประจำ มากกว่าการทดลองดื่ม มีการเปลี่ยนแท็กไลน์ของแบรนด์จากเดิมที่ใช้ “สุดขั้วในแบบคุณ” เป็น “ซ่าซี๊ด สุดขั้ว” เพื่อบอกถึงตัวตนแบรนด์มากขึ้น
เมื่อเอสเริ่มค้นหาตัวตนของแบรนด์ และเริ่มจับทางให้ตัวเองชัดเจนขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ ถือเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของน้ำอัดลม เอสได้ทุ่มงบ 300 ล้านบาทใช้พลังของบอยแบนด์แดนกิมจิวง GOT7 ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ล่าสุด ผนวกกับการออกสินค้าใหม่ “เอส โคเรียน ออเร้นจ์ โคล่า” น้ำอัดลมโคล่ากลิ่นส้ม
ทำไมต้องเป็นโคล่ากลิ่นส้ม
แนวคิดหลักของเอสก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้แตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด และใช้ช่องว่างทางการตลาดในการวางกลยุทธ์ อย่างสินค้าใหม่ในเมืองไทยก็ยังไม่เคยมีน้ำ “โคล่ากลิ่นส้ม” เหตุผลที่เลือกส้มก็เพราะว่าเป็นผลไม้ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี และในต่างประเทศอย่างเยอรมัน ก็พบว่าโคล่ากลิ่นส้มประสบความสำเร็จเช่นกัน อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนเป็นช่วงโลวซีซั่นของตลาดเครื่องดื่ม จึงออกสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นตลาด และไม่มีคู่แข่งออกในช่วงนี้ด้วย
ส่วนแบรนด์แอมบาสเดอร์ศิลปินวงเกาหลี แบรนด์น้ำดำในเมืองไทยยังไม่เคยมีแบรนด์ไหนใช้ เอสจึงใช้ช่องว่างทางการตลาดตรงนี้เพื่อมัดใจวัยรุ่น และมองว่าจะได้กลุ่มเป้าหมายจากแฟนคลับที่ชื่นชอบศิลปินทั้งวัยรุ่น และพ่อแม่ของวัยรุ่นด้วย พร้อมทั้งออกแพ็กเกจจิ้งลิมิเต็ดอิดิชั่นลายศิลปินด้วย
อัตราดื่มเอสประจำเพิ่มจาก 39% เป็น 51%
วิเวก ซาห์บรา กรรการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า “จากแคมเปญก่อนหน้านี้ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องพบว่ามีการเพิ่มอัตราการดื่มเอสเป็นประจำเพิ่มมากขึ้นจาก 39% เป็น 51% เราผ่านจุดที่สร้างการรับรู้มาแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาในการสร้างแบรนด์เลิฟในใจขของคนรุ่นใหม่ให้ได้ และศิลปินเกาหลียังไม่มีแบรนด์ไหนที่ใช้พรีเซ็นเตอร์เลย จึงมองว่าเป็นโอกาสสำคัญ”
โดยปัจจุบันเอสมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 10.4% จากมูลค่าตลาดรวมน้ำอัดลมที่ 51,000 ล้านบาท เติบโต 6% เอสตั้งเป้าว่าจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ จะสร้างการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดได้ 2% หรืออาจจะเพิ่มเป็น 11% ภายในสิ้นปีนี้