เจ้าพ่ออินเทอร์เน็ตยุคดั้งเดิม “ยาฮู” (Yahoo) ถูกรายงานว่า กำลังเตรียมขายธุรกิจหลักให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของสหรัฐฯ “เวอไรซอน” (Verizon) ด้วยมูลค่า 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.68 แสนล้านบาท คาดดีลประวัติศาสตร์จะถูกประกาศรายละเอียดในวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคมนี้ ตามเวลาในสหรัฐฯ
ในขณะที่ยังไม่มีรายละเอียดของดีลนี้มากนัก สื่อต่างประเทศอ้างแหล่งข่าววงในว่า ดีลนี้จะครอบคลุมธุรกิจหลักที่ยาฮูให้บริการออนไลน์ เช่น บริการอีเมล เป็นต้น รวมถึงสิทธิหลักในสำนักงานที่ดินของยาฮู มูลค่าการซื้อขายถูกประเมินไว้ล่าสุดที่ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในการประกาศดีลอย่างเป็นทางการ
หลังการขายกิจการ คาดว่าหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นยาฮู จะยังได้ครอบครองหุ้นมูลค่าราว 4.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ที่ยาฮูลงทุนไว้ในบริษัทอีคอมเมิร์ซจีน “อาลีบาบา” (Alibaba) รวมถึงยาฮู ประเทศญี่ปุ่น ที่แยกตัวไป และสิทธิบัตรเทคโนโลยีจำนวนหนึ่งที่ยาฮูถืออยู่
เหตุผลหลักที่ทำให้ยาฮูตัดสินใจขายกิจการครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผู้ถือหุ้น ที่ผ่านมา ยาฮูถูกผู้ถือหุ้นกดดันกึ่งบังคับให้บริษัทขายธุรกิจในส่วนอินเทอร์เน็ตออกไป โดยช่วง 11 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการจัดขอประมูลทรัพย์สินของยาฮู จนทำให้หลายบริษัทเข้าร่วมประมูลด้วย บริษัทที่มีข่าวสนใจซื้อยาฮู ได้แก่ บริษัทเจ้าของธุรกิจหนังสือพิมพ์อังกฤษ “เดลิเมล” รวมถึง “อัลฟาเบ็ต” บริษัทแม่ของกูเกิล ที่มีข่าวว่าได้เห็นข้อเสนอของยาฮู แต่ไม่ขยับตัวเพื่อเข้าร่วมประมูล
เหนืออื่นใด มูลค่าการขายกิจการของยาฮูครั้งนี้ถูกมองว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ยาฮูเคยถูกประเมินไว้เมื่อมกราคมปี 2000 โดยเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ยาฮู มีมูลค่าบริษัทสูลถึง 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
ด้าน มาริสสา เมเยอร์ (Marissa Mayer) ซีอีโอยาฮู ถูกประเมินว่า จะไม่ได้เข้าร่วมกับต้นสังกัดใหม่อย่าง เวอไรซอน แต่จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากการขายกิจการครั้งนี้ราว 57 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามการประเมินของบริษัทวิจัย Equilar
ขณะนี้ ทั้งเวอไรซอน และยาฮู ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ
ความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการล่าสุดของยาฮูการประกาศปลดพนักงานเพิ่มเติมราว 1,700 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครั้งนั้นยาฮู ระบุว่า เตรียมปรับโครงสร้างทางธุรกิจครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับวิกฤตรายได้ไม่กระเตื้อง
ที่มา: http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000073587