ซีอีโอแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ถึงกับออกมาโพสต์ผ่านหน้าวอลล์แสดงความผิดหวังต่อการระเบิดของจรวด SpaceX Falcon 9 จากฐานยิงจรวด Cape Canaveral Air Force Station ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เนื่องจากการระเบิดดังกล่าว ได้ทำลายดาวเทียม Amos-6 ของเฟซบุ๊กที่มีแผนจะกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตในทวีปแอฟริกา และทำให้โครงการ Internet.org ของเฟซบุ๊กในแอฟฟริกาต้องล่าช้าออกไปนั่นเอง
โดยในขณะที่โพสต์นั้น ซีอีโอเฟซบุ๊กอยู่ระหว่างการทำกิจกรรมในประเทศเคนยา ทวีปแอฟริกา ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมเปิดตัวโครงการ Internet.org ในแอฟริกา โดยกระสวยอวกาศดังกล่าวก็มีกำหนดจะยิงขึ้นสู่วงโคจรในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ แต่ก็มาเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ไปเสียก่อน
แน่นอนว่า กว่าจะสร้างจรวดขึ้นมาสักลำไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยเงิน เวลา และทรัพยากรมหาศาล แต่การระเบิดเป็นการทำลายเม็ดเงินเหล่านั้นให้พังลงไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ดังเช่นที่เกิดกับดาวเทียม Amos-6 จึงไม่แปลกที่ซีอีโอคนดังจะออกมาโพสต์ในลักษณะดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ในย่อหน้าที่สองของโพสต์จากมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ประจำตัว นั่นก็คือการมองโลกในแง่ดีด้วยการบอกว่า โชคดีที่บริษัทมีการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นไว้เป็นทางเลือก เช่น โดรนยักษ์ Aquilla สำหรับใช้กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วย และบริษัทก็ยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการแผนดังกล่าวนี้ต่อไป
ส่วนบริษัท Spacecom ผู้พัฒนาดาวเทียมจากอิสราเอลเผยว่า การระเบิดได้ส่งผลกระทบต่อสภาพการเงินของบริษัททันที เนื่องจากดาวเทียมดังกล่าวเป็นดาวเทียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยผลิตมา และสามารถโคจรรอบโลกได้นานถึง 15 ปี มูลค่าจึงสูงกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทางบริษัทมีแผนจะใช้ดาวเทียมดังกล่าวในหลาย ๆ ด้านด้วย แต่แผนก็มาพังเสียก่อน
อีกด้านหนึ่งก็มีรายงานว่า การระเบิดของกระสวยอวกาศนี้เป็นครั้งที่สองแล้วของบริษัท SpaceX แถมยังห่างจากความสูญเสียในครั้งแรกเพียงไม่นานด้วย (การระเบิดของกระสวยอวกาศ SpaceX ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2015 หรือประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้) โดยทาง SpaceX กล่าวว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการชี้แจงต่อไป
ส่วนสื่ออย่าง CNBC ได้รายงานตัวเลขสถิติการเกิดระเบิดของจรวดที่จะส่งขึ้นสู่วงโคจรว่า ที่ผ่านมามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่การเกิดความเสียหาย 1 ครั้งจากการยิงจรวด 20 ครั้ง พร้อมกันนั้นยังได้เปิดเผยถึงนโยบายการประกันภัยเกี่ยวกับการปล่อยจรวดนี้ว่า ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันในกรณีนี้อยู่ที่ราว 750 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งถ้าไม่มีการสูญเสียใด ๆ เงินก้อนนี้ก็ถือเป็นรายได้อันงดงาม แต่ถ้าหากแจ็กพ็อตแตกเหมือนเช่นกรณีของ SpaceX ก็อาจทำให้บัญชีของบริษัทแดงเถือกไปเลยนั่นเอง
ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000088083
