เป็นดีลช็อกวงการเมื่อ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมปาร์คนายเลิศ เนื้อที่รวมประมาณ 15 ไร่ และสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งประกอบด้วย อาคารโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ อาคาร Promenade และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ด้วยมูลค่า 12,800 ล้านบาท เพื่อเล็งที่จะทำโครงการศูนย์สุขภาพครบวงจร BDMS Wellness Clinic โรงแรมจะปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
พร้อมจัดตั้งบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% ภายใต้ชื่อบริษัท บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จำกัด มีทุนจดทะเบียน 6.4 พันล้านบาท เพื่อเข้าซื้อ และรับโอนที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง โดยที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ประมาณไตรมาส 2 ของปี 2560
ดีลนี้ได้แบ่งเป็นการซื้อที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างมีมูลค่าประมาณ 10,800 ล้านบาท และภายหลังการรับโอนกรรมสิทธิ์แล้ว บริษัทกำหนดงบประมาณลงทุน และปรับปรุงทรัพย์สิน เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic เป็นจำนวนประมาณ 2,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าลงทุนครั้งนี้ประมาณ 12,800 ล้านบาท
ทาง BDMS ระบุว่า BDMS Wellness Clinic จะเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจรโครงการแรกที่เกิดขึ้นในเอเชียซึ่งสถาบันที่มีชื่อเสียงล้วนตั้งอยู่ในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกามีผู้ประกอบการเพียงน้อยรายในโลกที่เปิดให้บริการศูนย์สุขภาพแบบครบวงจรแต่ในขณะที่กระแสตื่นตัวของคนทั่วโลกให้ความสนใจด้านสุขภาพโดยเฉพาะในด้านเวชศาสตร์ป้องกันและเวชศาสตร์ชะลอวัย
“เล็ก–ณพาภรณ์” ทายาท “ปาร์คนายเลิศ” ประกาศปิดกิจการแก่พนักงาน
หลังจากที่มีข่าวในการเข้าซื้อกิจการของโรงแรมปาร์คนายเลิศ “น้องเล็ก–ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ทายาทโรงแรม “ปาร์คนายเลิศ” ออกมาประกาศปิดกิจการโรงแรมและธุรกิจในเครือที่เปิดมานานกว่า 130 ปี ได้แจ้งพนักงานว่าจะปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป โดยมีใจความสำคัญว่า
“เล็ก ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และลูกหลานของปาร์คนายเลิศ ขอเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้น คณะกรรมการผู้บริหารและครอบครัว แจ้งข่าวสำคัญให้พนักงานทุกคนทราบ
หลายๆ คนทำงานที่นี่มาตั้งแต่วันแรกที่โรงแรมเปิด มีโอกาสได้รู้จัก ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ ซึ่งท่านเป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศแห่งนี้ หลายๆ คนทำงานในช่วงเวลาที่ “คุณพิไลพรรณ สมบัติศิริ” เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือบางคนเพิ่งเข้ามาทำงานในช่วงหลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม ตลอด 36 ปี ของโรงแรมปาร์คนายเลิศ พวกเราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาด้วยกัน ทั้งเรื่องทุกข์และสุข เรื่องง่ายแลยาก เราก็สามารถผ่านมาด้วยกันแล้วทุกครั้ง
แต่ทุกวันนี้สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูงมาก โรงแรมใหม่ๆ เปิดตัวทั่วทุกมุมถนน คณะผู้บริหารทุกท่านต่างอดทนและทำงานหนัก เพื่อประคับประคองสถานการณ์ เพื่อความอยู่รอดของโรงแรมมาโดยตลอด แต่สุดท้ายทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
วันนี้เล็กจึงขอเป็นตัวแทนแจ้งให้พนักงานทุกคนทราบว่า เรามีความจำเป็นที่ต้องหยุดดำเนินกิจการโรงแรมปาร์คนายเลิศอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งผู้บริหารจะรับผิดชอบค่าชดเชยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมโบนัสอีก 1 เดือน สำหรับพนักงานที่มีสิทธิได้รับโบนัสตามกฎของบริษัท และสินน้ำใจจากครอบครัวอีกจำนวนหนึ่งให้กับพนักงาน
นอกจากนั้น เรายังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบริษัท Accor ซึ่งขณะนี้เป็นเจ้าของ Swissotel หรือ FRHI แล้ว ทางบริษัท Accor จะรับพิจารณาพนักงานที่สนใจเข้าสมัครงาน ณ โรงแรมในเครือ Accor ต่อไป หากมีคำถามหรือข้อสงสัย เล็กขอให้ติดต่อที่ฝ่ายบุคคลเพื่อข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป
เล็กขอความร่วมมือจากทุกคนให้ช่วยกันทำงานในหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดจนวันสุดท้าย เล็กขอขอบคุณพนักงานทุกคนจากใจ ที่ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจมาโดยตลอด ถ้าไม่มีพวกเรา ปาร์คนายเลิศจะไม่สามารถยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และสุดท้ายเล็กขอฝากปาร์คนายเลิศให้อยู่ในหัวใจและความทรงจำที่ดีของทุกคนตลอดไป”
ที่มา http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000097972
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9590000097932