รอยเตอร์ – ปัญหาแบตเตอรีระเบิดในสมาร์ทโฟน Galaxy Note 7 อาจสร้างความเสียหายแก่ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เป็นวงเงินสูงถึง 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 600,200 ล้านบาท) หลังจากที่มีการเรียกคืนสินค้าและระงับการผลิตสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้เป็นครั้งที่ 2 ขณะที่นักวิเคราะห์ทำนายว่า ซัมซุงอาจตัดสินใจยุติการผลิต Note 7 ในที่สุด
บริษัทไอทียักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้ประกาศเรียกคืน Note 7 ราว 2.5 ล้านเครื่องเมื่อต้นเดือน ก.ย. หลังได้รับแจ้งปัญหาแบตเตอรีร้อนจัดจนเครื่องระเบิด
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (11) ซัมซุงได้ประกาศให้พันธมิตรทั่วโลกหยุดจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนสมาร์ทโฟนพรีเมียมที่สนนราคาราว 882 ดอลลาร์สหรัฐรุ่นนี้ และขอให้ผู้ใช้ Note 7 ปิดเครื่องไว้ตลอดเวลา ระหว่างที่บริษัทกำลังตรวจสอบรายงานที่ว่า เครื่อง Note 7 ล็อตใหม่ซึ่งนำมาเปลี่ยนให้ลูกค้าก็เกิดปัญหาไฟลุกเช่นกัน
ขณะที่ซัมซุงรอผลการสอบสวนจากผู้ตรวจสอบความปลอดภัยในสหรัฐฯ นักลงทุนและนักวิเคราะห์บางคนออกมาทำนายว่า ซัมซุงอาจตัดสินใจยุติการผลิต Note 7 และหันไปทุ่มงบพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เพื่อบรรเทาความเสียหายทั้งในด้านการเงินและชื่อเสียงของบริษัท
“ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด สหรัฐฯ อาจสรุปว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีข้อบงพร่องขั้นพื้นฐาน และสั่งให้ระงับการจำหน่าย” ซอง มยุง-ซุบ จากสถาบัน เอชไอ อินเวสเมนต์ ซีเคียวริตีส์ ระบุ
นักวิเคราะห์เตือนว่า หากซัมซุงต้องหยุดจำหน่าย Note 7 ยอดขายที่บริษัทประเมินไว้ว่าจะทำได้สูงสุด 19 ล้านเครื่องตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (product life cycle) ก็จะต้องสูญหายไป
ตามการคำนวณของรอยเตอร์ซึ่งใช้ราคาขาย Note 7 ต่อหน่วยเป็นฐาน ความสูญเสียครั้งนี้จะมีมูลค่าเกือบ 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้เบื้องต้นเพียง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกรณีที่ซัมซุงสามารถนำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออกจำหน่ายได้อีกในไตรมาสที่ 4
เมื่อวานนี้ (11) หนังสือพิมพ์ฮันเคียวเรห์ในเกาหลีใต้อ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ซัมซุงจะต้องหยุดจำหน่าย Note 7 อย่างถาวร
ซัมซุง ไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้
“ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจทำลายแบรนด์ Note 7 ไปเรียบร้อยแล้ว” เอ็ดเวิร์ด สไนเดอร์ ผู้อำนวยการสถาบัน ชาร์เตอร์ อีควิตี รีเสิร์ช ระบุ
“ซัมซุงต้องใช้เวลาแก้ไขข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ และต้องมีกระบวนการรับรองคุณภาพซ้ำอีก ซึ่งกว่าขั้นตอนเหล่านี้จะเสร็จ ก็ได้เวลาที่จะต้องเปิดตัว Galaxy S8”
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ ประเมินว่า ซัมซุงอาจเสียค่าใช้จ่ายราว 1.6 ล้านล้านวอนในไตรมาสที่ 4 เพื่อทำลายเครื่อง Note 7 ที่ผลิตออกมาแล้วประมาณ 4 ล้านเครื่อง
สำหรับบริษัทใหญ่อย่างซัมซุงที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 235,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (cash and equivalents) ประมาณ 69,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายเดือน มิ.ย. ความเสียหายจากการหยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รุ่นเดียวคงจะสามารถดูดซับไว้ได้
สิ่งที่จะเป็นปัญหาในระยะยาวมากกว่าก็คือ ผลกระทบต่อชื่อเสียงและแบรนด์ซัมซุง
“ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Note 7 อาจทำให้อุปสงค์สมาร์ทโฟนซัมซุงรุ่นอื่นๆ พลอยลดลงไปด้วย” ทีมนักวิเคราะห์จากโนมูระ ระบุ พร้อมเตือนว่า โนมูระอาจปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาส 4 ของแผนกสมาร์ทโฟนซัมซุงลงสูงสุดถึง 85%
ด้านโฆษกของ เวอไรซอน คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ (10) ว่า บริษัทกำลังเตรียมปรับแผนการตลาดเพื่อปลีกตัวจาก Note 7
มรสุมที่ถาโถมเข้าใส่ ซัมซุง ในขณะนี้คาดว่าจะไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สมาร์ทโฟนคู่แข่งอย่าง กูเกิล พิกเซล หรือ ไอโฟน เนื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่ต่างแข่งกันเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพื่อดึงดูดลูกค้าก่อนจะถึงเทศกาลปีใหม่
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกยังถูกลูกค้าในสหรัฐฯ อย่างน้อย 2 รายยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหา
ซัมซุง ได้รับแจ้งปัญหาแบตเตอรีร้อนจัดรวม 92 กรณีในสหรัฐฯ ในจำนวนนี้มีลูกค้าที่เป็นแผลไฟไหม้ 26 ราย และทรัพย์สินเสียหายอีก 55 กรณี
ที่มา : http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000102623