แอปเปิล (Apple) เปิดตัวคอมพิวเตอร์แมคอินทอชพกพารุ่นใหญ่ “แมคบุ๊กโปร” (MacBook Pro) ปีล่าสุด 2016 อย่างเป็นทางการด้วยการเพิ่มจอทัชสกรีนที่ด้านบนของคีย์บอร์ด ล่าสุดมีการยืนยันแล้วว่านับจากนี้รุ่นเล็กอย่าง “แมคบุ๊กแอร์” (MacBook Air) ขนาด 11 นิ้วจะถึงกาลอวสาน และรุ่นใหม่อย่าง MacBook, MacBook Pro และ iPad Pro จะทำตลาดต่อไป
ไม่เพียง MacBook Air ขนาด 11 นิ้วที่จะไม่มีวางจำหน่าย แต่รุ่น 13 นิ้วก็ยังมีคู่แข่งรายใหม่เป็น MacBook Pro 13 นิ้วที่แอปเปิลเปิดตัวใหม่อีก 2 รุ่น โดยรุ่นหนึ่งมี “ทัชบาร์” (Touch Bar) แถบทัชสกรีนที่ถูกติดตั้งแทนปุ่มฟังก์ชันบนคีย์บอร์ด ขณะที่อีกรุ่นยังใช้คีย์บอร์ดปกติ แต่ทั้งหมดมีขนาดบางกว่า MacBook Air ถึง 12%
แทนที่จะใช้พอร์ตยูเอสบีมาตรฐานและหัวต่อ MagSafe connector รุ่นใหม่อย่าง MacBook Pro 2016 มีพอร์ตธันเดอร์โบลต์ (Thunderbolt) จำนวน 3 พอร์ต โดย MacBook ทุกรุ่นไม่ลืมที่จะสงวนช่อง headphone jack ไว้ ทำให้ผู้ใช้ยังมีช่องสำหรับเสียบหูฟังเช่นเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือแอปเปิลไม่ได้อัปเดตความสามารถ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ตามการรายงานของสำนักข่าวซีเน็ต (CNET) ระบุว่าผู้ใช้ยังสามารถซื้อ MacBook Air รุ่น 13 นิ้วในราคาเริ่มต้นที่ 999 เหรียญสหรัฐ เพื่อให้ได้ใช้งานรุ่น Air ที่แบตเตอรี่อึดทน 12 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เหนือกว่ารุ่น Pros ขนาด 13 นิ้วเท่ากันที่มีอายุแบตเตอรี่ 10 ชั่วโมงเท่านั้น
แพงขึ้นตามพลัง
รุ่น Pros ที่วางจำหน่ายในราคาแพงกว่า Air นั้นมีความสามารถที่เหนือกว่า โดยรุ่นเริ่มต้นของ MacBook Pro 2016 ใหม่จอ 13 นิ้วที่มีคีย์บอร์ดปกติดั้งเดิมนั้นวางจำหน่ายในราคา 1,499 เหรียญ แต่มีชิปดูอัลคอร์ i5 ความเร็ว 2GHz ทีทำงานร่วมกับชิปกราฟิก Intel Iris Graphics 540 หน่วยความจำแฟลช 256GB พร้อมแรม 8GB ซึ่งหากจ่ายเงินเพิ่ม 300 เหรียญสหรัฐ ก็จะได้รับคุณสมบัติใหม่ถอดด้าม Touch Bar ที่สามารถสแกนนิ้วผ่านระบบ ”ทัชไอดี” (Touch ID) พร้อมกับชิปที่แรงขึ้นอย่าง 2.9GHz Intel Core i5
Touch Bar ที่มาแทนที่ปุ่มฟังก์ชั่นของ MacBook Pro รุ่นใหม่นั้นเป็นแถบจอ OLED อยู่แถวบนสุดของแป้นคีย์บอร์ด จอนี้จะสามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผมตามโปรแกรมที่กำลังเปิดใช้งานอยู่ ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสเพื่อควบคุมโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ได้สะดวก เช่นหากผู้ใช้เปิดโปรแกรมแชต ปุ่มบน Touch Bar จะแสดงเป็นรายการการ์ตูนอิโมติคอน หรือหากเปิดโปรแกรมแต่งภาพ Touch Bar จะแสดงรายการสีให้ผู้ใช้เลือกได้สะดวก เป็นต้น
ชาวแมคยังสามารถแตะที่ Touch Bar เพื่อรับสายโทรศัพท์ได้ หรือสั่งเล่นเพลงและวิดีโอได้ รวมถึงสามารถเรียกใช้ปุ่มฟังก์ชัน 12 ชุดได้เช่นเดิม
Touch Bar นี้สามารถรองรับระบบ Touch ID ได้ด้วย จุดนี้ผู้ใช้ที่ชำระเงินผ่านบริการ Apple Pay บน MacBook รุ่นใหม่จะสามารถวางนิ้วบน Touch Bar เพื่อให้ระบบสแกนลายนิ้วมือหรือ Touch ID ซึ่งจะยืนยันตัวตนก่อนชำระเงินได้ง่ายกว่าเดิม
สำหรับประเทศไทย MacBook Pro ใหม่ 2 แบบถูกประกาศใน 3 ระดับราคา ได้แก่ MacBook Pro 13 นิ้ว แบบธรรมดา ราคา 56,900 บาท, MacBook Pro 13 นิ้วรุ่นมี Touch Bar ราคาเริ่ม 67,900 บาท และ MacBook Pro 15 นิ้วรุ่นมี Touch Bar ราคาเริ่ม 89,900 บาท
ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000107783
