การสำรวจล่าสุดของผู้บริโภคฝั่งฮ่องกง พบว่า ประชาชนผู้บริโภคยังชื่นชอบการเดินเข้าร้านเพื่อเลือกซื้อสินค้าแล้วหิ้วกลับบ้านอย่างเหนียวแน่น พฤติกรรมนี้ถือว่าสวนทางกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่นิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แล้วรอรับของที่บ้านมากกว่า ทำให้ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนเนื้อหอมยิ่งขึ้น
การสำรวจนี้เกิดขึ้นร่วมกันระหว่างบริษัทวิจัย KPMG และ GS1 ซึ่งพบว่า การที่ร้านค้าในฮ่องกงยังมีเสน่ห์ดึงดูดไม่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้ยอดใช้จ่ายในร้านอีคอมเมิร์ซฮ่องกงไม่ยิ่งใหญ่อลังการนัก ส่งผลให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า เทศกาลจับจ่ายสินค้าออนไลน์ราคาพิเศษที่เจ้าพ่ออย่างอาลีบาบา (Alibaba) เตรียมขยายกิจกรรมให้คลุมพื้นที่ทั้งจีน ฮ่องกง และไต้หวันในปีนี้เป็นปีแรก มีความเสี่ยงไม่ได้รับผลตอบรับดีเท่าที่ควร (กิจกรรมจัดขึ้นวันที่ 11 พฤศจิกายนของทุกปี)
จากการสัมภาษณ์ซีอีโอบริษัท 225 คน และผู้บริโภคราว 1,000 คนทั้งจากฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่ พบว่า ความนิยมในการเลือกซื้อสินค้าที่ร้านของประชาชนที่อาศัยในฮ่องกงนั้น ไม่ลดลงเลยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความสะดวกสบายที่ได้รับจากร้านมีมากกว่า โดยความเห็นส่วนใหญ่แสดงว่า ประเด็นความมั่นใจ หรือไว้วางใจยังเป็นความท้าทายหลักของการพัฒนาอีคอมเมิร์ซในฮ่องกง
กว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่าง (47%) กังวลเรื่องสี และขนาดที่อาจไม่ตรงกับความต้องการ ขณะที่ 1 ใน 3 (35%) มองว่าคำบรรยายข้อมูลสินค้าบนเว็บไซต์นั้น ไม่เพียงพอ โดย 1 ใน 5 ของกลุ่มตัวอย่าง (20%) บอกว่า ผลการค้นหาข้อมูลสินค้าไม่มีความแน่นอน สรุป คือ การเดินเข้าร้านเพื่อชอปปิ้งทำให้สบายใจในการเลือกซื้อมากกว่า
ภาวะอีคอมเมิร์ซฮ่องกงที่ไม่เติบโตนัก ยังเป็นผลจากระยะเวลาการส่งสินค้าที่กินเวลามากกว่า 3-7 วันทำการ ผิดกับในประเทศจีนที่มีบริการส่งสินค้าในวันเดียว แม้จะให้บริการเฉพาะในเขตเมือง
ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า หากอีคอมเมิร์ซฮ่องกงยังเป็นตลาดที่หงอยเหงาต่อไป ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นดินแดนที่ทำเงินให้มากกว่าแทน จุดนี้เห็นได้ชัดว่า Alibaba มองขาดเรื่องนี้ และเตรียมการบุกตลาดอาเซียนแล้วเช่นเดียวกับแอมะซอน (Amazon)
ที่มา : http://manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000111058
