สรุปอินไซต์น่าสนใจตลาด ‘อีคอมเมิร์ซไทย’ และเทรนด์ใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป

สรุปอินไซต์ ‘ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย’ ที่แม้ GDP บ้านเราจะเติบโตน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และเศรษฐกิจอยู่ช่วงขาลง แต่ ‘คนไทย’ ยังครองแชมป์ ‘ขาช้อป’ ที่จับจ่ายออนไลน์ต่อสัปดาห์สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก รวมถึงมีเทรนด์การใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลง โดยเน้นความคุ้มค่า ซึ่งไม่ได้มองแค่ ‘ราคาถูก’ ยังมองคุณภาพ การใช้งานในระยะยาว บริการ และความน่าเชื่อถือ

 

อี-คอมเมิร์ซไทยโตสวน GDP

 

‘วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้แม้เศรษฐกิจภาพรวม ดูจะชะลอตัวลง และ GDP ประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนแล้วจะมีการเติบโตน้อยกว่า แต่มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยกลับมีการเติบโตสวนกระแส และคนไทยไม่ได้ช้อปออนไลน์น้อยลงเลย

 

ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเป็นอย่างไร

 

-ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย ปี 2567 มีมูลค่าประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท เติบโต 21.7% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโต 12%

-67% ของมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยขับเคลื่อนโดย E-Marketplace

-การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปี 2568 ยอดขายสินค้าบนอีคอมเมิร์ซคิดเป็น 1 ใน 4 ของตลาดค้าปลีกไทยแล้ว

-คาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย จะมีมูลค่าเติบโตรวม 2 ล้านล้านบาท ในอีก 5 ปี หรือภายในปี 2573

 

สำหรับปัจจัยการเติบโตที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่ทำให้นักช้อปไทยเปิดใจและหันมาใช้บริการซื้อของออนไลน์มากขึ้น โดยนักช้อปไทยมีการซื้อของออนไลน์ต่อสัปดาห์สูงสุดเป็น ‘อันดับ 1 ของโลก’ คิดเป็น 68.2% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 56.1%

คนไม่ได้ดูแค่ของถูกแต่หาความคุ้มค่า

 

นอกจากเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ‘พฤติกรรม’ ขาช้อปออนไลน์ไทยก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน

 

วาริสฐาบอกว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยมีผู้บริโภคประมาณ 43.5 ล้านคน ที่น่าสนใจ คือ คนช้อปออนไลน์มีทุกเจนเนเรชั่น แบ่งเป็น

-กลุ่ม Gen Y และ Gen Z มีสัดส่วน 62% ของตลาด

-Gen X มีสัดส่วน 33% ของตลาด

นอกจากนี้ คนไทยมองหา ‘ความคุ้มค่า’ ในทุกการช้อป ซึ่งความคุ้มค่าไม่ใช่ ‘ราคาถูก’ แต่ให้ความสำคัญกับ คุณภาพ, การใช้งานในระยะยาว, การบริการ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ สะท้อนจาก

 

-ช่วงแคมเปญมียอดสั่งซื้อเพิ่มกว่า 15%

-50% ของคำสั่งซื้อช่วงแคมเปญมีการใช้คูปองหลายต่อ ทั้งส่งฟรีและส่วนลด

-ยอดขายช่วงเมกะแคมเปญ และ Double Digits เพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับเวลาปกติ

 

“ในอดีตพฤติกรรมนักช้อปไทยจะมองความคุ้มค่าในเรื่องราคา แต่ในปีนี้ลูกค้ามองคำว่าคุ้มค่าแบบองค์รวม ดูตั้งแต่คุณภาพ การใช้งานในระยะยาว บริการ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์มากกว่าราคาถูก ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เปลี่ยนไปมาก”

 

อีกความน่าสนใจ คือ นักช้อปคนไทยหันมาซื้อแบรนด์แท้มากขึ้น เห็นชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่แม้สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ยอดขายจาก LazMall ซึ่งการันตีขายของแท้มีการเติบโตขึ้น 22% และมีการใช้จ่ายต่อบิลต่อครั้งเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1,000 บาท

จากการเติบโตที่เกิดขึ้น ทางลาซาด้า ประกาศวิสัยทัศน์ Next-Level eCommerce ในการเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยุคใหม่ ประกอบด้วย

  1. บุกเบิกและยกระดับมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง
  2. มุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มพรีเมียมและศูนย์รวมแบรนด์ชั้นนำ
  3. สร้างการเติบโตในระยะยาวด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง

4.เดินหน้าสร้างคุณค่าและผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้ซื้อ, แบรนด์, ผู้ขาย และพันธมิตรอย่างยั่งยืน

 

โดยวิสัยทัศน์ดังกล่าว จะเดินหน้าผ่าน 3 แกนหลัก

1.คัดสรรสินค้าคุณภาพครบทุกหมวดหมู่ (High-Quality Assortment) : นำเสนอสินค้าแบรนด์แท้ 100% ตลอดจนสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ลาซาด้า ผ่าน LazMall และ LazMall Luxury ที่มีมากกว่า 32,000 แบรนด์ทั่วทั้งภูมิภาค ควบคู่กับเพิ่มความหลากหลายด้วยหมวดหมู่ขายดีอย่าง LazBEAUTY, LazLOOK และ Lazada Electronics

รวมถึงนำร่องโมเดลค้าส่งสำหรับลูกค้าธุรกิจ (B2B) ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการ ด้วยสินค้ากว่า 15,000 รายการ ครอบคลุมหมวดเกษตรกรรม อุปกรณ์ประปา และอุปกรณ์ไฟฟ้า

2.มอบประสบการณ์การช้อปที่เหนือกว่า (High-Quality Experience) ด้วย 4 การันตีจาก LazMall (การันตีสินค้าแบรนด์แท้ 100%-จัดส่งตรงเวลา-คืนสินค้าพร้อมเงินคืนไว-การันตีสต๊อกพร้อม), โปรแกรมส่งเร็วพิเศษ Priority Delivery 24 Hours สั่งซื้อสินค้าภายในเที่ยง ได้รับสินค้าในวันถัดไป ฯลฯ

3.ดึงอินไซต์สร้างอิมแพคผ่านแคมเปญคุณภาพ (High-Quality Campaign)