ต้องนับว่าเป็นช่วงที่กลุ่มทุนใหญ่เข้าซื้อหุ้นทีวีดิจิตอลกำลังคึกคัก หลังจากดีลของเจริญ สิริวัฒนภักดี ซื้อหุ้น กลุ่มอมรินทร์ จบลงได้ไม่ทันไร ก็เป็นคิวของ “ช่อง ONE” ที่ได้บริษัท ประนันท์ภรณ์ จํากัด ของกลุ่มปราสาททองโอสถ เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน 50% ด้วยเม็ดเงินลงทุน 1.9 พันล้านบาท ส่งผลให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ลดสัดส่วนเหลือ 25.50% และถกลเกียรติ วีรวรรณ ลดเหลือ 24.50%
ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ได้เปิดแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชน ได้ไขข้อข้องใจ ว่าเหตุใดทำไมต้องขายหุ้นให้กลุ่มทุนใหม่เข้ามา
ช่องวันกำลังไปได้ดี ความนิยมติดอันดับทอป 5 แต่ทำอย่างไรให้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้นต่อยอดไปอีก เลยมีความคิดว่าต้องเพิ่มทุน ประจวบเหมาะกับบริษัท ประนันท์ภรณ์ เป็นบริษัทโฮลดิ้งเขาก็มองเห็นโอกาสการเติบโตของช่องวัน จึงเป็นที่มาของการเพิ่มทุนและถือหุ้นในช่องวัน
“ดังนั้นการบริหารเหมือนเดิม ผู้ถือหุ้นใหม่เขาต้องการลงทุนอย่างเดียว เพราะเขาเชื่อมั่นในช่องวัน” ถกลเกียรติ ยืนยัน
ส่วนการที่ผู้ถือหุ้นเดิม คือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และถลกลเกียรติ ไม่เพิ่มทุนเอง เขาบอกว่า “ถ้าเราเพิ่มเอง อาจจะไม่แข็งแรงเท่ากับการที่ได้ผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา เพราะการลงทุนครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง แต่หนึ่งบวกหนึ่งกลายเป็นสิบ คือเราต้องมองให้ไกล”
ถกลเกียรติ ยืนยันว่า เรื่องของเงินทุนหมุนเวียนไม่มีปัญหา แต่การได้ผู้ถือหุ้นใหม่จะช่วยให้ช่องวันแข็งแรงขึ้น ยกตัวอย่างการผลิตละครและรายการในสต็อกทำได้มากขึ้น เลือกสรรออกอากาศได้มากกว่าเดิม สามารถลองผิดลองถูกได้มากขึ้น ซึ่งการมีรายการหลากหลายเป็นเรื่องที่จำเป็นในการทำรายการบันเทิง เพราะใช่ว่าจะทำแล้วใช่ทั้งหมด ต้องมีหลายๆ แนวทางให้เลือก
นอกจากการได้เรื่องของเงินทุนแล้ว “การที่รู้จักคนที่ดีๆ เก่ง ๆ มันดีกว่าอยู่แล้ว ซึ่งทางผู้ถือหุ้นใหม่จะส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการ และนั่งในบอร์ดบริหารด้วย”
เมื่อถามถึงแผนงานในปีหน้า “ยังไม่ได้สรุป แต่อย่างที่บอก ทำให้เราสามารถทำอะไรให้ใหญ่ขึ้นได้ ใช้เงินลงทุนได้มากขึ้น”
ส่วนความรู้สึกส่วนตัวของเขา เมื่อหุ้นที่เขาเคยถืออยู่ต้องลดสัดส่วนลง จากเดิมที่เคยถือในสัดสวน 49% ลดลงเหลือ 24.50%
ไม่รู้สึกอะไรเลย ผมมองในตัวงานมากกว่า และอีกอย่างการได้ผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา ช่วยขยายผลจากที่มีอยู่ อย่างที่บอกหนึ่งบวกหนึ่งมันได้ผลลัพธ์เป็นสิบ
ส่วนตัวเขาในอนาคต มีโอกาสขายหุ้นออกไปทั้งหมดหรือไม่ ถกลเกียรต บอกว่า “เป็นเรื่องของอนาคต” ไม่ยืนยันว่าจะไม่ขาย ? “ผมรักงานผมครับ”
เมื่อถามถึงแผนการร่วมมือกับช่องพีพีทีวี ทีวีดิจิตอลอีกช่องกลุ่มปราสาททองโอสถ ถือหุ้นอยู่เช่นเดียวกันนั้น ถกลเกียรติ ตอบทันทีว่า “ไม่ได้มีแผนร่วมมือกับพีพีทีวีทั้งสิ้น และหากจะร่วมมือก็ไม่ต่างไปจากการร่วมมือกับช่องอื่นๆ เพราะไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเดียวกัน บริษัทประนันท์ภรณ์ เป็นของคุณปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ซึ่งเป็นลูกสาว และเขาก็ไม่ได้ถือหุ้นในพีพีทีวี”
แน่นอนว่า พอมีเงินทุนเข้ามา ย่อมคาดหวังเรื่องของเรตติ้งที่ต้องเพิ่มขึ้น ส่วนจะเป็นอันดับเท่าใด ยังไม่ขอบอก เร็วๆ นี้จะมีการพูดคุยกับผู้ถือหุ้นใหม่เพื่อวางแผนธุรกิจ
ทางด้านพีพีทีวีก็ยืนยันว่า การลงทุนของกลุ่มปราสาททองโอสถในช่องวันไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อการดำเนินงานพีพีทีวีว่าจะมีการ่วมมือกัน หรือช่องพีพีทีวีจะต้องปรับเปลี่ยนเพราะเป็นการลงทุนคนละส่วนกัน