คืนชีพศิลปินเพื่อชีวิต

จิตวิญญาณดนตรี
กับเวทีการเมืองภาคประชาชน
เราจะไม่ถอย จะไม่ถอย จะไม่ท้อ
สู้ สู้ สู้ ต่อเอาประเทศไทยของเราคืนมา
มาเถิดพี่น้องรวมพลังขับไล่ศัตรู
มากกอบมากู้บ้านเมืองให้เรืองรอง
แม้นแผ่นดินจะฝังกายก็ยอม
พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกัน

เป็นคำร้องที่สามารถสะท้อนมุมมองในการต่อสู้ โดยกลั่นกรองและสรุปเหตุการณ์ผสมผสานตัวโน้ตออกมาเป็นบทเพลงเพื่อขับกล่อมให้กำลังใจมวลชนในยามที่เหนื่อยล้า ท้อแท้ บางบทเพลงก็สร้างความฮึกเหิม เลือดแห่งความรักชาติสูบฉีด

เพลงเพื่อชีวิตอยู่คู่กับการต่อสู้ทางการเมืองของไทยมานาน แต่ที่แล้วมาบทเพลงเพื่อชีวิตได้ห่างหายจากเส้นทางดนตรีของไทยไปนาน เพราะค่ายเพลงจะไปสนใจเพลงตามกระแส ที่ทำเงินให้เท่านั้น จะมีก็แค่ศิลปินเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่ที่เคยสร้างชื่อมาตั้งแต่สมัยอดีต ที่ยังพอมีแฟนเพลงอยู่บ้าง จนดูเหมือนว่าแทบไม่มียืนให้กับดนตรีแนวนี้อีกแล้ว ยิ่งเป็นวงดนตรีรุ่นใหม่ๆ ด้วยแล้ว โอกาสก็แทบไม่มี

แต่ตราบใดที่เพลงเพื่อชีวิตยังคงรับใช้สถานการณ์รับใช้สังคม ปลุกกระแสให้เกิดพลัง ต่อด้านกับความอยุติธรรม ไม่ว่าศิลปินท่านนั้นจะเป็นศิลปินโนเนม ศิลปินใต้ดิน เหนือดิน หรือศิลปินหลังเขา ไม่สำคัญ หากแต่เขาเหล่านั้นมีจิตวิญาณและอุดมการณ์ที่แน่วแน่ รักชาติบ้านเมือง ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจเหนือสิ่งอื่นใด

เวทีพันธมิตรฯไม่เพียงแต่จะเป็นการต่อสู้เพื่อทวงคืนความถูกต้องให้กับสังคมไทยเท่านั้น หากแต่ยัง ยังเป็นเวทีให้กับศิลปินเพื่อชีวิตน้อยใหญ่ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ได้หวนกลับคืนสู่เวทีอีกครั้ง

ที่น่าสนใจ คำประกาศของสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ว่า “เอเอสทีวี เป็นกุญแจสำคัญในการชุมนุมครั้งนี้ หากประชาชนไม่ต้องการ เอเอสทีวีก็จะปิดตัวไป และถ้าประชาชนมีความจำเป็นและให้การสนับสนุนต่อไป ก็จะมีการจัดทัวร์คอนเสิร์ตออกไปต่างจังหวัด”

“เราต้องการสั่งสอนศิลปินสกปรกให้ได้รับบทเรียน ให้รู้ว่าเพลงของเราไม่ต้องการฟังต่อไป เราต้องหันมาสนับสนุนศิลปินที่ทำเพื่อบ้านเมือง เงินทุกบาทที่ได้จากการขายตั๋ว จะเอาเข้าเอเอสทีวี เพราะเป็นทีวีกู้ชาติ พวกเราต้องร่วมกันรักษา

คำกล่าวนี้เป็นประหนึ่งคำมั่นว่า ตราบใดที่เพลงเพื่อชีวิตยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ทางการเมือง ตราบนั้นเพลงเพื่อชีวิตก็ไม่มีวันตาย

โอกาสของศิลปินเพื่อชีวิตเหล่านี้จะยังคงดำรงอยู่ ตราบที่เอเอสทีวียังคงเป็นสื่อที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยไม่ต้องง้อค่ายเพลงไหนๆ

ถ้ามองในเชิงธุรกิจ นี่คือโมเดลการทำธุรกิจเพลงที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยค่ายเพลง แต่ใช้เวทีคอนเสิร์ตเป็นเครือข่ายถึงกลุ่มคนฟัง ซึ่งค่ายเพลงทุกวันนี้ก็ยังต้องหันมาหารายได้จากการจัดคอนเสิร์ตเพื่อชดเชยกับรายได้จากซีดี ที่ค่ายเทปโดนเทปผีซีดีเถื่อนถล่มจนหมดหนทาง