“ดอกไม้แห่งอุดมการณ์” พริก กานต์ชนิต

“…ดอกไม้จะบาน บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่ แน่วแน่แก้ไข…” เป็นเสียงเพลงคุ้นหูประชาชนมานาน เนื้อร้องเป็นมรดกตกทอดจากยุคตุลาฯ 2516 ที่หนุ่มสาวตื่นตัวทางการเมืองและมีอุดมการณ์แรงกล้า แต่เมื่อหันมามองทุกวันนี้ดูเหมือนจะมีแต่ผู้สูงวัยที่ใส่ใจการเมือง และออกมาร่วมขบวนต่อต้านความทุจริต

แต่ก็ยังมีคนรุ่นใหม่ที่แม้จะพ้นวัยนักศึกษามาแล้ว แต่ก็จัดว่าเป็นตัวแทนหนุ่มสาวได้เมื่อเทียบกับมวลชนพันธมิตรส่วนใหญ่ที่เป็นวัยกลางคนขึ้นไป เธอคือ “พริก” กานต์ชนิต ซำมะกุล นางเอกและนางแบบนิตยสารที่พลิกมุมมองสวยร้อนแรงที่วงการเคยมอบให้ มาเป็นดอกไม้หนุ่มสาวที่ใช้ทั้งเรี่ยวแรงและมนุษยสัมพันธ์ ช่วยเหลือพันธมิตรในการแจกจ่ายยาดม ระดมความช่วยเหลืออาหารและยา กับอีกสารพัดกิจกรรมที่ทำให้เห็นว่าความเป็นดารานั้นทำอะไรได้มากกว่าที่คิด

“กำลังนั่งๆ นอนๆ รองานอยู่ที่บ้าน อึดอัดว่าไม่มีอะไรให้เราทำดีกว่านี้แล้วหรือ” พริกเริ่มต้นเล่าให้ POSITIONING ฟังถึงช่วงชีวิตก่อนนี้ “ไปปรึกษาพระ ท่านแนะนำว่าให้เปลี่ยนความคิด อย่านั่งรอ ให้คิดใหม่ว่า ด้วยสติปัญญากำลังที่มี เราทำประโยชน์อะไรได้ก็ทำ ให้คิดแบบนายตัวเอง”

คำแนะนำของพระสงฆ์ที่พริกเคารพท่านนี้ ทำให้เธอมาขบคิดอย่างหนัก ก่อนจะตัดสินใจเตรียมหันหลังให้วงการบันเทิง เพื่อมาเปิดเว็บไซต์ขายเสื้อผ้าและสินค้าจากผ้าที่ทำลวดลายด้วยมือ ซึ่งเธอมีกลุ่มเพื่อนผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่ พร้อมกันนั้นก็มีเหตุการณ์เล็กๆ ที่จะประทับใจเธอไปอีกนานเกิดขึ้น…

“วันนั้นเปลี่ยนดูเอเอสทีวี เห็นคุณยายชาวบ้านท่านหนึ่งเป็นมะเร็ง รุ่งขึ้นจะไปทำคีโมรักษา แต่วันนี้ยังมาขึ้นเวที แกยังบอกว่าถ้าพรุ่งนี้ยังอยู่จะมาอีก ทำให้เราสะดุดใจมาก อยากรู้ว่าเค้ามาทำอะไรกัน”

และยิ่งนานวันที่พริกได้ดูการถ่ายทอดสดที่มี 24 ชั่วโมง ก็เกิดความคิดความรู้สึกร่วมกับเนื้อหาที่ทั้งชาวบ้าน นักวิชาการ และแกนนำขึ้นมาพูดบนเวที ทำให้เธอตัดสินใจจะไปร่วมชุมนุมในวันที่อันตรายที่สุดวันหนึ่ง

“วันที่เคลื่อนขบวนไปทำเนียบ มีตำรวจปราบจลาจล มีข่าวว่าจะยิงแก๊สน้ำตา แต่ไม่มีใครกลัวไม่มีใครหนี เราประทับใจมากก็เลยเอาด้วย เป็นไงเป็นกัน” พริกบอกเล่าประสบการณ์ระทึกขวัญวันแรกๆ ที่เธอไปร่วมเสี่ยงภัยอย่างประชาชนคนทั่วไป

แล้วก็ถึงวันที่พริกเริ่มช่วยงานในที่ชุมนุมอย่างเต็มตัว เมื่อเธอเห็นอาสาสมัครเดินแจกยาดมในที่ชุมนุมคนเดียวอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงเข้าไปช่วยเดินแจก จากนั้นก็เข้าช่วยงานในเต็นท์ปฐมพยาบาล และสะดุดตาสื่อสายบันเทิงที่สัมภาษณ์และถ่ายรูปเธอลงข่าว

“เราไม่ใช่ดาราดัง ก่อนจะช่วยงานที่เต็นท์พยาบาลก็ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจำเราได้” พริกเผยว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด แค่ต้องการมาร่วมชุมนุมด้วยเจตนาบริสุทธิ์เหมือนคนส่วนใหญ่ในนี้

เรื่องราวนี้คงตอบคำถามของหลายฝ่ายที่สงสัยว่าพริกเข้าร่วมชุมนุมเพราะ “อยากเป็นข่าว” หรือไม่ ? ไปได้ในระดับหนึ่ง แต่แม้กระนั้นก็ยังมีคำถามและความเห็นตามเว็บและสื่ออื่นๆ ว่าพริกหวังผลประโยชน์อะไรกับการมาชุมนุมหรือเปล่า ?

“สื่อ โดยเฉพาะเครือผู้จัดการ เค้าก็คิดเองเป็น ไม่ใช่ว่าเราจะหลอกเค้าได้ ไม่งั้นดาราอยากดังก็มาเดินกันเพ่นพ่านกันหมดแล้ว ถ้าเรามานี่แล้วไม่ได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ถึงจะเป็นดารามันก็เท่านั้น มานี่ไม่ได้เงินซักบาท อย่างพี่ตั้ว ศรัณยู เอาเงินตัวเองมาช่วยด้วยซ้ำ”

“ดาราที่มานี่มีไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็โดนด่ามากกว่าชม แต่ถ้าเรามัวแต่กลัว กลัวว่าคนจะมองในทางไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คงไม่ต้องลงมือทำอะไรแล้ว ได้แต่อยู่เฉยๆ” พริก กานต์ชนิต ตอบกลับข้อสงสัยอย่างเผ็ดร้อนสมชื่อ

ความ “บริสุทธิ์กล้าหาญ” ของเธอยิ่งชัดเจนเมื่อทีมงานมาเชิญให้ขึ้นเวทีหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่เธอเคยมี “คลิปหลุด” อื้อฉาวเมื่อหลายปีก่อน จึงเกรงจะเสื่อมเสียชื่อเสียงของมวลชนพันธมิตรโดยรวม และยังคงช่วยงานที่เต็นท์ปฐมพยาบาลอยู่เงียบๆ ต่อไป จนกระทั่งแกนนำใหญ่อย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล ต้องเชิญด้วยตัวเองและกล่าวขอบคุณที่มา “ช่วยชาติ” ซึ่งคำสั้นๆ 2 พยางค์นี้เองที่ทำให้เธอตัดสินใจที่จะขึ้นเวทีในที่สุด

ในทางกลับกัน หลายฝ่ายมองว่าเมื่อดารามาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แล้ว บรรดาผู้จ้างผู้จัดหลายรายก็คงจะไม่กล้าจ้างให้โฆษณา เล่นละคร หรือออกรายการไหนอีก แต่เรื่องนี้พริกก็ไม่หวั่นเกรง พร้อมกล่าวอย่างมั่นใจว่า “แต่ก่อนคิดว่าโชคร้ายที่ไม่มีสังกัดประจำ แต่ตอนนี้ดีใจมากเลยที่เรามีอิสระ”

แม้ช่วงนี้เธอจะมาช่วยงาน “พันธมิตรฯ” ทุกวัน แต่หลังสถานการณ์คลี่คลาย พริกตั้งใจจะกลับไปสานต่อโครงการเปิดเว็บไซต์ขายสินค้าจากผ้าต่อไป แต่เธอก็จะยังไม่ทิ้งมวลชนพันธมิตรไปเพราะจะหาโอกาสกลับมาช่วยงานอยู่เสมอ ซึ่งเธอมองว่าเมื่อผ่านสองเดือนนี้ไปสถานการณ์น่าจะคลี่คลาย การปะทะและความรุนแรงน่าจะไม่มี และหลายคดีความสำคัญๆ ที่ตัดสินในช่วงนี้จะทำให้รัฐบาลต้องลาออกไปในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามภารกิจให้ความรู้ประชาชนยังต้องทำกันต่อไปอีกนาน 5 ถึง 10 ปีขึ้นไป

“ประชาชนต้องช่วยกันเอง คราวที่แล้วมีทหารบางกลุ่มเป็นฮีโร่มาชุบมือเปิบไป แต่ครั้งนี้เราหวังให้ทหารตำรวจฝ่ายที่ดี มาปกป้องความปลอดภัยให้พวกเราก็พอ เรื่องอื่นเป็นหน้าที่ของประชาชน” พริกสรุปบทเรียนจากการรัฐประหารครั้งก่อนด้วยลีลาเผ็ดร้อนอีกครั้ง

เมื่อถูกถามว่าเธอและหนุ่มสาวอื่นๆ นั้นมาชุมนุมเพื่อความบันเทิงจากการฟังปราศรัยและฟังเพลงหรือไม่ ? พริกสวนกลับฉับไวตามสไตล์ว่า “มาที่นี่นั่งก้นเมื่อย ร้อนก็ร้อน ฝนก็ตก กินข้าวรวมๆ นี่ มันมีความสุขนักเหรอ ไม่ใช่เลย เรามาเพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมที่ยึดเหนี่ยวความดี ถ้าอยากบันเทิงพักผ่อนทุกวันนี้ก็ยังไปกินไปดื่มตามร้านกับเพื่อนๆ แบบไม่ถึงกับเมาทำอะไรที่เสียหาย แต่ถ้ามาชุมนุมนี่ถือว่ามาทำความดีมากกว่า”

แม้พริกจะเชื่อมั่นในแนวคิดและแนวทางของพันธมิตรฯ แต่เธอก็ยอมรับว่ากระแสส่วนใหญ่ในสังคมนั้นยังไม่เห็นด้วยและค่อนไปในทางกลางๆ ที่อาจจะไม่ชอบทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายพันธมิตรเอง ซึ่งพริกเผยว่า “ไม่อยากจะพยายามไปเปลี่ยนความคิดใคร พูดคุยกับคนที่คิดคล้ายๆ เราก็พอ” แต่เธอก็ขอฝากไปถึง “พลังเงียบ” เหล่านี้ว่า

“พวกคุณต้องแยกให้ชัดระหว่างความดีกับความเลว ถ้าไม่ตัดสินใจเลือกอะไรเลย ก็เหมือนเจอปัญหาแล้วหนี ไม่คิดหาทางแก้ลงไป ถ้าเกลียดใคร สู้แปรความขุ่นมัวในใจให้กลายเป็นคำถามที่ว่าตัวเราเองจะทำประโยชน์อะไรให้สังคมได้บ้างจะดีกว่า”

ทุกวันนี้แม้ยามว่างเมื่ออยู่บ้าน พริกก็จะเปิดเอเอสทีวีไว้เกือบตลอดเวลาราวกับดูเรียลลิตี้ และน้องสาวของเธอที่เรียน ม.5 ก็เปลี่ยนใจจากเรียลลิตี้มาดูเอเอสทีวีด้วยตัวเองพร้อมกับถามคำถามใหม่ๆ ให้พี่สาวต้องคิดต้องตอบแทบทุกวัน กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวและสะท้อนความตื่นตัวทางการเมืองที่ตามรอยพี่สาวคนนี้มาติดๆ

Profile

Name : “พริก” กานต์ชนิต ซำมะกุล
Age : อายุ 26 ปี
Education :
ปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง มศว.
กำลังเรียนปริญญาโท (ทุนมหาวิทยาลัย) นิเทศศาสตร์ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์
Career Hilights :
– ภาพยนตร์ จ.เจี๊ยวจ๊าว (RS)
– ถ่ายภาพแฟชั่นนิตยสาร, Memovery, Maxim, FHM, Zoo
– มิวสิกวิดีโอ “อย่าเอาน้ำตากลับบ้าน” (ใหม่ เจริญปุระ) “ถ้าเธอหลายใจ” (วงกะลา) “ทำบ้าๆ แบบนั้นทำไม” (Taxi) ฯลฯ
– ละคร “โลกสองใบของนายคนเดียว” (ช่อง 7)
– ละคร “หยิบหัวใจใส่ตัวโน้ต” (ช่อง 7)
– ละคร “ดอกไม้หลากสี” (ช่อง 5)