ยิ่งใกล้หมดซีซั่นก็ยิ่งร้อนแรง รายการ “The Mask Singer” หน้ากากนักร้อง ออกอากาศในช่อง “เวิร์คพอยท์” รายการร้องเพลงโดยให้ดารา เซเลบริตี้ใส่หน้ากากตามคอนเซ็ปต์ของตัวเอง และให้กรรมการทายว่าเป็นใคร ยังคงเดินหน้าสร้างปรากฏการณ์ โกยเรตติ้ง แซงหน้าละครต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในวันพฤหัสบดีที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา รอบแชมป์ชนแชมป์ของ 4 หน้ากาก จากตัวแทนทั้ง 4 กรุ๊ป ได้แก่ หน้ากากจิงโจ้ หน้ากากมังกร หน้ากากอีกาดำ และหน้ากากทุเรียน ซึ่งแชมป์ชนแชมป์คู่แรกคือ หน้ากากอีกาดำกับหน้ากากมังกร ผลปรากฏว่าสถิติคนดูทั้งทีวีและออนไลน์ พุ่งขึ้นทุกช่องทาง
เวิร์คพอยท์ได้เปิดเผยเรตติ้งในส่วนของทีวีว่า ได้แซงหน้าละครของช่องอื่นกว่าเท่าตัว รวมเรตติ้งทั้งประเทศได้ 10.151 / เรตติ้งกลุ่มผู้ชมในกรุงเทพฯ วัดได้ 15.332 / เรตติ้งกลุ่มผู้ชมต่างจังหวัดหัวเมือง 10.408 และเรตติ้งของกลุ่มผู้ชมในต่างจังหวัดนอกเขตเทศบาลได้ 8.847
นอกจากจะสร้างปรากฏการณ์สำคัญของรายการทีวีไทย ที่รายการทำเรตติ้งได้มากกว่าละครในช่วงเวลาเดียวกัน
ในช่องทางออนไลน์ ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ด้วยยอดคนดูผ่านช่องทางออนไลน์ Live Facebook Fanpage กว่า 4.6 ล้านวิว ส่วนยอดทวิตเตอร์ เพิ่มสูงตั้งแต่รายการยังไม่ออกอากาศ ติดอันดับ 1 ทวิตเตอร์ในไทย จนท้ายสุดจบรายการขึ้นไปติดเทรนด์ที่ 2 ของโลก #themasksinger
เวิร์คพอยท์คาดว่าในสัปดาห์ต่อไป ซึ่งเป็นรอบแชมป์ชนแชมป์ คือหน้ากากจิงโจ้เจอหน้ากากทุเรียน ซึ่งจะออกอากาศวันพฤหัสบดีที่ 16 มี.ค.60 เวลา 20.00 น. เรตติ้งจะสูงขึ้นอีก
รายการนี้ นับเป็นการใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ ในรูปแบบของ “มัลติชาแนล” แบบจัดเต็ม ครอบคลุมทุกสื่อทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และยูทิวบ์ เพื่อตอบโจทย์คนดูผ่านช่องทางออนไลน์ และสร้างโอกาสในการหารายได้จากสื่อออนไลน์มากขึ้น
เวลานี้ ทั้ง The Mask Singer มีแฟนเพจกว่า 8 แสนราย และเพจของ Workpoint Entertainment มีแฟนเพจกว่า 7.7 ล้านราย เมื่อรวมสองเพจเข้าด้วยกันถือว่ามีฐานกว่า 8.5 ล้านรายเข้าไปแล้ว
ในแต่ละสัปดาห์ที่ยังไม่มีการออกอากาศ เวิร์คพอยท์ได้มีการทำคอนเทนต์อัพเดตเกี่ยวกับรายการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างกระแสตลอด รวมถึงการใช้ฟีเจอร์ Live ผ่าน 2 ช่องทาง ผ่านทางยูทิวบ์ และเฟซบุ้ก ในการถ่ายทอดรายการ โดยแต่ละสัปดาห์มีการเข้าชมช่องทางไม่ต่ำกว่า 1-2 แสนราย ยิ่งในสัปดาห์ที่พีค รอบชิงแชมป์กลุ่ม หรือรอบรองชนะเลิศที่ผ่านมาพุ่งขึ้นไปถึง 4 แสนราย
เมื่อรายการเป็นที่นิยม เรตติ้งดี ราคาค่าโฆษณาทีวีอยู่ที่ประมาณ 3-3.5 แสนบาท/นาที ยิ่งเมื่อมีผู้ชมจากออนไลน์มากขึ้น เวิร์คพอยท์สามารถหารายได้หลากหลายวิธีมากขึ้น ไม่ว่าจะแบ่งเวลาโฆษณาบนยูทิวบ์มาขายเองได้แล้ว
แม้แต่ช่วงพักโฆษณา เวิร์คพอยท์ ยังครีเอตรายการย่อยๆ บนออนไลน์ สร้างหารายได้เพิ่มได้อีก เช่นช่วง “นินทาหน้ากาก” เป็นเหมือนช่วงทอล์กโชว์มีพิธีกรมาพูดคุยกัน โดยให้ผู้ชมแสดงความคิดเห็นมีส่วนร่วมได้ว่าหน้ากากเป็นใคร ถ้าพิธีกรทายผิดจะต้องทำอะไร และแบรนด์ต่างๆ เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ เช่น แบรนด์วีต้าเบอร์รี่
ส่วนไลน์เอง สามารถใช้ความหลากหลาย และคุ้นเคยของหน้ากากต่างๆ มาออกเป็น สติกเกอร์ไลน์ชุด The mask singer วางขายแล้ว 2 ชุดด้วยกัน เพื่อสื่อสารให้ครอบคลุม และสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการขายสติกเกอร์ด้วย ซึ่งสติกเกอร์ทั้ง 2 ชุดได้ขึ้นติดอันดับ 1 และ 2 ในหมวดของครีเอเตอร์ สติกเกอร์แล้ว
นับถือเป็นโมเดลของรายการทีวี ที่สามารถใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมในการเสพสื่อที่เปลี่ยนไป หันไปหาออนไลน์ ในการเพิ่มยอดคนดู และรายได้