เปิดให้บริการมาเป็นเวลา 2 ปี เกือบ 3 ปีแล้วสำหรับเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่ทางเซ็นทรัลได้วางจุดยืนให้เป็นห้างฯ ระดับลักชัวรี่ แต่ด้วยคอนเซ็ปต์รวมถึงร้านค้าต่างๆ ในเซ็นทรัล เอ็มบาสซีอาจจะยังไม่ตอบโจทย์มากพอ ทำให้ทราฟฟิกผู้ใช้บริการในช่วงแรกไม่ได้เป็นไปตามเป้าเท่าไหร่
ทำให้เซ็นทรัลมีการแก้เกมโดยตลอด ทั้งเป็นแผนระยะสั้น จัดอีเวนต์เพื่อกระตุ้นการเข้าห้างฯ และแผนระยะยาวที่เพิ่มพื้นที่ในห้างฯ ในปี 2559 ที่ผ่านมาก็เปิด Eatthai แหล่งรวมร้านอาหารสไตล์ฟู้ดคอร์ทที่บริเวณชั้น LG
ในปีนี้เซ็นทรัล เอ็มบาสซีได้เปิดอีกหนึ่งโปรเจกต์ เป็นแผนระยะยาวในการสร้างการเติบโตให้ห้างฯ ทุ่มงบ 300 ล้านบาท เปิดโซน Open House ด้วยพื้นที่สุดท้ายของห้าง 7,000 ตารางเมตร บริเวณชั้น 6 เป็นคอมมูนิตี้ในคอนเซ็ปต์ Co-living Space ให้ความหมายคือสามารถใช้เวลา ใช้ชีวิตที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน รวมร้านอาหาร ศิลปะ มุมเด็กเล่น ร้านหนังสือ และสถานที่ทำงานไว้
ภายในจะแบ่งพื้นที่เป็น 8 โซนด้วยกัน ได้แก่ Eating Deck, Eat by the park, Open House Bookshop by hardcover, Co-Thinking Space, Art Tower, Design Shop, Open Playground และ Diplomat Screen Embassy by AIS โรงภาพยนตร์ รวมถึงมีทางเชื่อมกับโรงแรมปาร์ค ไฮแอทที่จะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น
โปรเจกต์นี้ได้ใช้เวลาในการคิด และพัฒนาเป็นเวลา 2 ปี ได้ร่วมมือกับ Klein Dytham architecture (KDa) บริษัทออกแบบจากญี่ปุ่น ผู้ออกแบบโครงการ Daikanyama T-Site และ Ginza Place เป็นผู้ออกแบบ Open House
บรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เล่าให้ฟังว่า “ความท้าทายของเซ็นทรัล เอ็มบาสซีที่สุดในตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้เติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคได้ครบ เข้าถึงคนได้มากขึ้น เพราะถูกหลายคนมองว่าเป็นห้างฯ ของแพงมาโดยตลอด พอมาดูภายในห้างฯ เรามีเรื่องช้อปปิ้ง ร้านอาหารแล้ว แต่ขาดคอมมูนิตี้จึงนำมาทำเป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์ที่จะเจาะคนหลายกลุ่ม นักออกแบบ ครอบครัว วัยรุ่น ทำให้ห้างมีความหลากหลายมากขึ้น“
บรมเสริมว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้เปลี่ยนไปด้วย ต้องการอะไรใหม่ๆ และเป็น Personalize ต้องการประสบการณ์ ห้างค้าปลีกจึงต้องปรับตัวเพื่อให้ตามผู้บริโภคให้ทันด้วย
บรมหวังว่า Open House จะเป็นหนึ่งในไม้ตายที่จะเอามากระตุ้นทราฟฟิกคนเข้าห้างให้สูงขึ้น เพราะในเดือนพฤษาคมหลังจากที่โรงแรมเสร็จ เท่ากับว่าเซ็นทรัล เอ็มบาสซีจะเสร็จสมบูรณ์ครบ 100%
โดยที่ตั้งเป้าให้เติบโตของทราฟิก 2 หลัก ไปถึง 30,000-40,000 คน/วัน จากปัจจุบันมีทราฟฟิกเฉลี่ย 20,000 คน/วัน และจะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นไปยังกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น และนักท่องเที่ยวด้วย ไม่ได้จับลูกค้ากลุ่มบนอย่างเดียว
ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าแบ่งเป็นคนไทย 70% ชาวต่างชาติ 30% ตั้งเป้ากลุ่มชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 35-40% หลังจากที่เชื่อต่อกับโรงแรมปาร์ค ไฮแอท
สำหรับ Open House ได้ใช้งบการตลาด 30 ล้านบาท