เก็บตกข้อมูลหลังการเปิดตัว Samsung Galaxy S8 กับ 5 จุดเด่น ที่กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ซัมซุงเชื่อว่ารุ่นนี้ จะสามารถมาแก้เกมจากที่เคยพลาดไปใน Note 7 พร้อมการกลับมาทวงคืนภาพความเชื่อมั่นในแบรนด์
1.การออกแบบด้วยจอโค้งไร้กรอบ
อย่างที่รู้กันว่าเมื่อซัมซุงมีการแยกไลน์ Hi-End ออกมาเป็น 2 ส่วนคือ S ซีรีส์ และ Note ซีรีส์ โดยคอนเซปต์ของ Galaxy S จะเน้นไปที่ดีไซน์เป็นหลัก ดังจะเห็นได้ตั้งแต่ตอน S6 จนมาถึง S7 ที่ชูจุดเด่นในรุ่นของ edge ที่เป็นจอโค้ง สร้างความต่างกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในท้องตลาด
เมื่อมาถึง Galaxy S8 ก็ยังคงคอนเซปต์ในการสร้างความต่างอยู่เช่นเดิม ด้วยการนำจอโค้งแบบ Infinity Display มาใช้งาน ประกอบกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบไร้กรอบจอ (Ultra-thin Bezel) ทำให้สามารถเพิ่มขนาดหน้าจอได้ บนตัวเครื่องขนาดเดิม
อีกจุดคือในส่วนของความโค้งมนรอบตัวเครื่อง จากในรุ่น S7 ที่ส่วนโค้งของขอบเครื่องด้านหน้าและด้านหลังไม่เท่ากัน พอมาใน S8 ก็ปรับให้อยู่ในขนาดที่สมมาตร ที่ความโค้งระดับ 6r ส่วนหลังเครื่อง จากเดิมที่มีกล้องยื่นออกมา ก็ถูกปรับให้เรียบช่วยให้ไม่ต้องระวังเลนส์กล้องเวลาวางเครื่อง
2.หน้าจอ 18.5 : 9 ไร้ปุ่มโฮม
ในส่วนของหน้าจอซัมซุง กำลังสร้างสัดส่วนใหม่บนจอสมาร์ทโฟนขึ้นมาด้วยสัดส่วน 18.5 : 9 โดยในรุ่น S8 จะมากับขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว และ S8+ จะเป็น 6.2 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ (2960 x 1440) ซึ่งจะเห็นได้ว่าจอมีลักษณะยาวขึ้น
ขณะเดียวกัน ได้มีการตัดปุ่มโฮมที่เป็น Physical ออกไป และหันมาใช้จอแบบรับแรงกดแทน เพื่อนำมาใช้งานคู่กับปุ่มเสมือนบนหน้าจอ โดยเมื่อกดบริเวณปุ่มโฮมเสมือนก็จะให้ความรู้สึกเหมือนกดลงไปบนปุ่มจริงๆ
โดยในส่วนนี้ ซัมซูงจะชูจุดเด่นในแง่ของพื้นที่การใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแนวตั้งเมื่ออ่านข้อมูลต่างๆ ทำให้เลื่อนจอน้อยลง ส่วนในแนวนอนเมื่อใช้รับชมวิดีโอก็จะให้ขนาดที่เต็มจอมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกขยายหน้าจอของวิดีโอที่เล่นได้
นอกจากนี้ ก็ยังใส่โหมดการใช้งานแบบ Advanced Multi Screen มาให้ใช้ จากเดิมที่ทำได้เพียงการแบ่งจอพร้อมปรับขนาด ก็เพิ่มเป็นการเลือกแสดงผลเฉพาะบางส่วนของจอคู่กับหน้าจอหลักแทนได้ ช่วยให้สามารถทำงานแบบมัลติทาสได้สะดวกขึ้น
3.Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะ
จากข้อมูลก่อนหน้านี้ ที่ซัมซุงมีการเปิดตัวผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby พอมาใน Galaxy S8 ก็ถูกนำมาใช้งานทันที ด้วยการเพิ่มปุ่มกดเรียกใช้งาน Bixby มาให้ทางฝั่งซ้ายของตัวเครื่อง ใต้ปุ่มปรับระดับเสียง ช่วยให้สามารถเรียกใช้งานได้สะดวก
โดยความสามารถหลักๆ ของ Bixby จะมีด้วยกัน 4 ส่วนคือ 1.การค้นหาข้อมูลจากรูปภาพ (ทำงานร่วมกับโหมดกล้อง) 2.ใช้แจ้งเตือนข้อมูลสำคัญต่างๆ 3.มัดรวมแอปพลิเคชัน และข้อมูลต่างๆ มาไว้ในหน้าจอแสดงผลเดียว และ 4.การใช้คำสั่งเสียงช่วยลดขั้นตอนในการกดสั่งงาน เพียงแต่ยังไม่รองรับการใช้งานภาษาไทย ทำให้ต้องคุยกับ Bixby เป็นภาษาอังกฤษไปก่อน
4.ระบบซิเคียวริตี้
อย่างที่ทราบกันว่าใน Note 7 ซัมซุง ได้มีการนำระบบสแกนม่านตา (Iris Scaner) มาใช้งานบนสมาร์ทโฟน โดยระบุว่าเป็นรูปแบบการพิสูจน์ตัวตนที่ปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้นใน S8 ก็มีการนำ Iris สแกนมาให้ใช้งานกัน พร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่ย้ายไปอยู่ด้านหลังข้างเลนส์กล้องแทน
โดยระบบสแกนลายนิ้วมือ และสแกนม่านตาของซัมซุง ก็จะถูกประยุกต์มาให้ใช้งานร่วมกับ Samsung Knox ระบบที่แยกการทำงานของเครื่องออกมา Secure Folder พื้นที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคล Samsung Pass ไว้ใช้เก็บบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านต่างๆ รวมถึงการชำระเงินผ่าน Samsung Pay ด้วย
5.สเปก และการเชื่อมต่อ
ในแง่ของสเปกของเครื่อง Galaxy S8 จะยังคงเป็นสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงในตลาด ด้วยการนำหน่วยประมวลผล Exynos 8895 ที่เป็น Quad-Core 2.3 GHz มาใช้งานคู่กับ RAM 4 GB และ ROM 64 GB ที่สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมได้
ส่วนเรื่องของการเชื่อมต่อ S8 จะรองรับ 4G LTE ที่ใช้งานได้ทั้ง 3CA รวมถึง 4×4 MIMO ทำให้สามารถจับเครือข่าย 4G ประสิทธิภาพสูงที่โอเปอเรเตอร์ในบ้านเราลงทุนไปให้ได้ใช้งานกัน รวมถึงด้านการเชื่อมต่ออื่นๆอย่าง WiFi Dual-Band บลูทูธ 4.2 ที่สามารถเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธได้พร้อมกัน 2 อัน รวมถึง NFC และ GPS ตามมาตรฐาน
สุดท้ายคือในส่วนของกล้อง Galaxy S8 ยังคงใช้กล้อง Dual-Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.7 เช่นเดิม โดยรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ส่วนกล้องหน้าเปลี่ยนมาใช้เป็นกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แบบออโต้โฟกัสแล้ว และใส่โหมดเลือกจุดโฟกัสให้กล้องหน้าเพิ่มด้วย
เบื้องต้น Galaxy S8 กำหนดวางจำหน่ายทั่วโลกที่ 21 เมษายน ส่วนสีที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยต้องรอการยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000032245