การเคลื่อนไหวของ “อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซจากประเทศจีน เป็นเรื่องที่ต้องจับตา โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ที่อาลีบาบา และลาซาด้าซึ่งเป็นบริษัทลูก ที่มีการรุกคืบขยายธุรกิจต่อเนื่อง
หลังจากทางอาลีบาบาได้ประกาศร่วมเป็นคู่ค้ากับรัฐบาลมาเลเซีย ทำโครงการ “เขตการค้าเสรีดิจิทัล” (Digital Free Trade Zone : DFTZ) ในประเทศมาเลเซีย เป็นศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซ และศูนย์กระจายสินค้าแห่งแรกของอาลีบาบานอกประเทศจีน ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
จนทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมไม่มาลงทุนในไทย ทั้งๆ มีความพร้อมทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้ง และได้มีโครงการร่วมมือภาครัฐของไทยมาแล้ว
ล่าสุดอาลีบาบาได้ส่งลาซาด้า จึงต้องออกมายืนยัน กำลังจะมีโปรเจกต์ใหญ่ในประเทศไทยเช่นกัน ภายหลังการร่วมลงนามระหว่างอาลีบาบา กรุ๊ป และรัฐบาลไทย เมื่อเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2559 ต่อเนื่อง เตรียมพัฒนาโปรเจกต์ “อีคอมเมิร์ซ ปาร์ค” ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี พ.ศ. 2562
โดยโปรเจกต์อีคอมเมิร์ซ ปาร์ค จะเป็นประตูเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ที่เปิดสู่ตลาดนานาประเทศ ทั้งยังอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อด้านการขนส่งโดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
โครงการนี้จะนำไปสู่การพัฒนาระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซ หรืออีโคซิสเต็มในไทย เป็นจุดนัดพบของเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ และพันธมิตรทางโลจิสติกส์ นอกจากนั้นโปรเจกต์อีคอมเมิร์ซ ปาร์ค จะเป็นศูนย์รวมที่นำโครงสร้างทางโลจิสติกส์และเทคโนโลยีขั้นสูงมาไว้ในที่เดียวกันในเขตอีอีซี เพื่อให้บริการอย่างครบวงจร
การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเขตอีอีซี หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของลาซาด้าในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนและเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบทบาทลาซาด้าและอาลีบาบาในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศ หรือ อีโคซิสเต็ม ที่รองรับเทคโนโลยีล่าสุดของประเทศไทย ไปพร้อมกับการบ่มเพาะและเตรียมความพร้อมให้กับนักธุรกิจยุคใหม่ที่รวมถึงกลุ่มสตาร์ทอัพและกลุ่มSME ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจบนโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อตอบรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
อเล็กแซนดรอ บิสชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมาตลอดระยะเวลาห้าปี นับตั้งแต่ลาซาด้าได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทย ซึ่งลาซาด้าให้ความสนับสนุนเพื่อพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เชื่อว่าจะเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญให้กับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของตลาดอีคอมเมิร์ซไทย ที่มีการคาดการณ์มูลค่าของตลาดว่าจะสูงถึง 5,300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2564”
ก่อนหน้านี้ลาซาด้าได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพระบบการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตและความต้องการของอีคอมเมิร์ซ
และยังได้ทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทย โดยได้จัดโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพทางอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ทั้งยังสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยได้รับประสบการณ์จากโปรแกรมการพัฒนาในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น อาทิ การส่ง 5 ผู้ค้าออนไลน์จาก ลาซาด้า ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์คช็อปกับอาลีบาบา แคมปัส ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา