เฮงเค็ล ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 45 ปี มุ่งเป้าสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน

เฮงเค็ล ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 45 ปีแห่งความสำเร็จในประเทศไทย จัดลำดับเพื่อสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับมูลค่าที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน สอดคล้องกับการประกาศกลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับ ปี 2020 และ ปีถัดไป – หรือที่เรียกว่า ยุทธศาสตร์ “เฮงเค็ล 2020+” เฮงเค็ล ประเทศไทยเน้นการขับเคลื่อนการเติบโต การเร่งพัฒนาด้านดิจิตอล และเพิ่มความคล่องตัว

ประเทศไทยถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีความสำคัญต่อเฮงเค็ลมาก เฮงเค็ล ประเทศไทย มีจำนวนพนักงานมากกว่า 500 คน และประกอบธุรกิจหลัก 2 ส่วน คือธุรกิจเทคโนโลยีกาวซึ่งเฮงเค็ลเป็นผู้ถือครองตลาด โดยภาคธุรกิจดังกล่าวรวมถึงบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมยานยนต์และการเตรียมพื้นผิว อุตสาหกรรมทั่วไป และอิเลคโทรนิกส์ด้วย นอกจากนี้ เฮงเค็ลยังเป็นผู้นำในภาคธุรกิจบิวตี้แคร์ระดับมืออาชีพ และธุรกิจค้าปลีกด้านเส้นผม ในประเทศไทย เฮงเค็ลมีโรงงาน 2 แห่งสำหรับธุรกิจกาว ตั้งอยู่ในเขตบางปะกงในจังหวัดชลบุรี และเขตบางเสาธง ในจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งมีศูนย์ฝึกอบรมให้ความรู้และให้บริการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์เครื่องจักรในงานอุตสาหกรรม 2 แห่ง ในจังหวัดระยอง ส่วนโรงงานของธุรกิจบิวตี้แคร์สำหรับผลิตผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี

นายอีริค อีเดลแมน ประธาน บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบรอบ 45 ปีแล้ว และได้รับความไว้วางใจจากทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้าและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อชุมชนในท้องถิ่น ด้วยรากฐานที่มั่นคง เราจะยืนหยัดในการมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับคู่ค้าและผู้บริโภค เพิ่มนวัตกรรมและความคล่องตัว รวมไปถึงเร่งการปรับธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่เข้าสู่ยุคดิจิตอล และที่ขาดไม่ได้คือการสนับสนุนด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเพิ่มความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม”

เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เฮงเค็ล ประเทศไทย ต้องการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัท ลูกค้าและผู้บริโภค เพื่อสามารถตอบโจทย์ในด้านการมอบโซลูชั่นมากกว่าแค่การเน้นที่ผลิตภัณฑ์ สำหรับภาคธุรกิจกาว โดยมีแบรนด์เด่นๆ อย่าง Loctite, Technomelt, Bonderite, Teroson และAquence เฮงเค็ลตั้งเป้าเป็นผู้มอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดในประเทศ 2 ประการ:

–          ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในโครงการด้านนวัตกรรมต่างๆ เช่น ความปลอดภัยที่สูงขึ้นสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร และการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น

–          ให้การสนับสนุนทางเทคนิคเชิงลึกและบริการต่างๆ ตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจของลูกค้า สามารถเพิ่มทั้งประสิทธิภาพในการทำงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกัน

ส่วนความเชี่ยวชาญและธุรกิจค้าปลีกเกี่ยวกับเส้นผม เฮงเค็ล ประเทศไทย มีแบรนด์แถวหน้าอย่าง ชวาร์สคอฟ (Schwarzkopf) และไซออส (Syoss) ที่พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยสุดยอดนวัตกรรม คุณภาพระดับพรีเมี่ยมของผลิตภัณฑ์ และระยะเวลาในการเข้าสู่ตลาดที่เหนือกว่า เป็นต้นว่า ธุรกิจค้าปลีกบิวตี้แคร์กระตุ้นความต้องการของตลาดด้วยผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมและตกแต่งทรงผมที่หลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม Freshlight Milky และ Foam ที่ร่วมพัฒนาโดยสุดยอดแฟชั่นดีไซน์เนอร์ระดับโลกอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ และใช้รูปตุ๊กตา บลายธ์ มาเป็นตัวสื่อถึงผู้หญิงที่น่ารัก สดใส ทันสมัยและเป็นผู้นำแฟชั่น ในส่วนของผลิตภัณฑ์เส้นผมระดับมืออาชีพนั้น อีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เฮงเค็ลประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากก็คือโปรแกรมการเรียนการสอนระดับสุดยอดที่บริษัทมอบให้กับลูกค้าที่เป็นร้านเสริมสวย ในทุกๆ ปี สถาบัน Schwarzkopf ASK Academy ในประเทศไทย ได้ช่วยฝึกฝนทักษะให้แก่แฮร์สไตลิสต์จำนวนกว่า 2,000 คนในประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์

ภายในปี 2563 เฮงเค็ล ประเทศไทย จะเปลี่ยนโฉมองค์กรด้วยการผลักดันธุรกิจให้เข้าสู่ยุคดิจิตอลของระบบอุตสาหกรรม 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวอย่างสำหรับโครงการในประเทศไทย เช่น ระบบการจัดการ POD ที่สามารถให้ข้อมูลและบริการด้านกาวได้แบบเรียลไทม์แก่ลูกค้าและช่องทางต่างๆ ด้วยความที่เฮงเค็ลใช้ระบบต่างๆ ที่เอื้อต่ออุตสาหกรรม 4.0 ทำให้โรงงานผลิตภัณฑ์กาวในบางปะกงสามารถดำเนินไปได้อย่างประสบความสำเร็จภายใต้คอนเซ็ปต์โรงงานที่ชาญฉลาด นอกจากนี้ ธุรกิจบิวตี้แคร์ระดับมืออาชีพได้ออกแอพพลิเคชั่น ‘House of Color บนระบบ Androidและ iOS ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าแฮร์สไตล์ลิสต์ด้วยเทรนด์ผมล่าสุด รวมทั้งให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวกับผู้บริโภคด้วย สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่อการเติบโตของเฮ็งเคล

นายอีริค กล่าวว่า “การปรับสู่ยุคดิจิตอลนั้นสร้างโอกาสดีๆ มากมายแก่เฮงเค็ล ในขณะที่เราเร่งพัฒนาด้านดิจิตอลสำหรับบริการและธุรกิจทั้งห่วงโซ่ เราก็ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิตอลภายในองค์กร ผ่านโปรแกรมการพัฒนาฝึกฝนให้แก่พนักงานของเรา ทั้งหมดนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้าและลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพด้านกระบวนการ และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้แก่ธุรกิจของเรา” โดยเฮงเค็ลได้ตั้งเป้าระดับโลกสำหรับยอดขายที่เกิดจากช่องทางดิจิตอลเพิ่มเท่าตัว คาดว่าจะสามารถทำยอดขายเฉพาะจากช่องทางดิจิตอลนี้ได้ถึง 4 พันล้านยูโร หรือประมาณ 147,325 ล้านบาท ภายในปี 2563”

ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความผันผวนอยู่ตลอด เฮงเค็ล ประเทศไทย มุ่งมั่นสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัวสูง และมีกระบวนการการดำเนินงานที่เรียบง่ายแต่ชาญฉลาด รวมทั้งมีความรวดเร็วสู่ตลาด และมีทีมงานที่กระฉับกระเฉงและมากความสามารถ “เราจะปลูกฝังสปิริตของผู้ประกอบการให้แก่พนักงาน สนับสนุนการยอมรับเพื่อการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัว และให้อำนาจในการตัดสินใจแก่พนักงาน โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและความผู้นำที่มีความแข็งแกร่งในทุกๆ ระดับชั้นขององค์กร” นายอีริค กล่าว

เพื่อเน้นย้ำในความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เฮงเค็ลได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้ทรัพยากรให้สูงเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับปี 2553 รวมทั้งยังมีโครงการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โครงการในการฝึกฝนพนักงานทุกคนในประเทศไทยให้กลายเป็นทูตแห่งความยั่งยืน รวมทั้งสามารถส่งต่อวิสัยทัศน์ดังกล่าวไปยังลูกค้า ผู้บริโภค และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจได้อีกด้วย

เกี่ยวกับเฮงเค็ล

เฮงเค็ลดำเนินธุรกิจทั่วโลกด้วยพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันสมดุลและหลากหลาย บริษัทเป็นผู้นำในสามกลุ่มธุรกิจ ทั้งในธุรกิจเพื่ออุตสาหกรรมและธุรกิจเพื่อผู้บริโภค อันเป็นผลมาจากแบรนด์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีอันแข็งแกร่ง ธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ล (Adhesive Technologies) เป็นผู้นำในตลาดกาวในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ (Laundry & Home Care and Beauty Care businesses)เฮงเค็ลเป็นผู้นำในหลากหลายตลาดและประเภทผลิตภัณฑ์ทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2419 เฮงเค็ลมีประวัติความสำเร็จอันยาวนานกว่า 140 ปี ในปี พ.ศ. 2559 เฮงเค็ลมียอดขายอยู่ที่ 18,700 ล้านยูโร (หรือ 691,412 ล้านบาท) แบรนด์ชั้นนำ 3 อันดับแรกของเฮงเค็ล คือ เพอร์ซิล (ผงซักฟอก) ชวาร์สคอฟ (ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม) และล็อคไทท์ (กาว) มียอดขายรวมกันกว่า 6,000 ล้านยูโร (หรือ221,843 ล้านบาท) เฮงเค็ลมีพนักงานราว 50,000 คนทั่วโลก ซึ่งทำงานเป็นทีมที่มีความมุ่งมั่นและหลากหลาย รวมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยวัฒนธรรมขององค์กรอันแข็งแกร่ง มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างคุณค่าอันยั่งยืน และมีคุณค่าร่วมกัน ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนอันเป็นที่ยอมรับ เฮงเค็ลได้รับการยกย่องจากดัชนีและการจัดอันดับต่างๆ หุ้นบุริมสิทธิของเฮงเค็ลจดทะเบียนอยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนี ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.henkel.com