เผยโฉมหน้าที่ทำงานในฝันยุคดิจิทัล

“ที่ทำงานยุคดิจิทัล” ทำงานร่วมกันทุกที่ทุกเวลา งานส่วนตัวเรื่องเดียวกัน มีเทคโนโลยีช่วยแบ่งเบา สร้างที่ทำงานเสมือนจริง พูดคุย แชร์เอกสารแบบเรียลไทม์

ไมโครซอฟท์เผยผลการสำรวจ “Microsoft Asia Workplace 2020 เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนไปของบุคลากร และช่องว่างที่เกิดขึ้นในที่ทำงานในยุคปัจจุบันที่มีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ปรับใช้และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้

โดยได้สำรวจคนทำงานจำนวน 4,175 คน ใน 14 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ในจำนวนนี้มีพนักงานคนไทย 312 คน คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ตอบแบบสอบถามจะต้องเป็นพนักงานประจำทำงานไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือพนักงานชั่วคราวทำงานไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ได้จัดทำขึ้นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม 2560

ทำงานร่วมกันทุกที่ทุกเวลา

ชุติมา สีบำรุงสาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผลสำรวจนี้ได้จัดทำขึ้นที่เอเชียเพราะเป็นพื้นที่ที่กำลังเตรียมพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางภูมิภาคที่มีการเชื่อมโยงถึงกันมากที่สุด พบว่าภายในปี 2021 การเชื่อมต่อกันทั้งในเรื่องของการทำงาน และเทคโนโลยีจะมาจากภูมิภาคเอเชีย องค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องทบทวนว่าจะสนับสนุนพนักงานด้วยวัฒนธรรม นโยบาย หรือเครื่องมือต่างๆ ได้อย่างไร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกดิจิทัล

เทรนด์ที่มาแรงที่สุดก็คือ “การทำงานร่วมกัน” ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอุปกรณ์ ผู้บริหารต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อให้การทำงานราบรื่นที่สุด

3 ปัจจัยการทำงานยุคดิจิทัล

ปัจจัยที่จะเป็นโลกของการทำงานยุคดิจิทัล ประกอบด้วย 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ 1.บุคลากร ในโลกยุคดิจิทัลต้องสามารถทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องได้รับการสรับสนุนจากผู้บริหารด้วย 2.สถานที่ ต้องสามารถทำงานได้ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ เป็นการทำงานแบบยืดหยุ่น และ 3.เทคโนโลยี จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาการทำงานได้ และทำให้งานมีประสิทธิภาพขึ้น

ทำงานแบบเคลื่อนที่ 

ผลสำรวจบอกว่า 85% มองว่าตนเองเป็นพนักงานทำงานแบบเคลื่อนที่ ใช้เวลาอย่างน้อย 20% ในการทำงานนอกออฟฟิศ ไปเจอลูกค้าบ้าง หรือทำงานภาคสนาม แต่มีเพียง 63% ที่รู้สึกว่าองค์กรพร้อมรองรับการทำงานแบบดิจิทัลโมบายล์อย่างเต็มรูปแบบ มองว่ายังไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากวัฒนธรรมองค์กร และผู้บริหาร ให้สามารถทำงานร่วมกับอย่างยึดหยุ่นเท่าไหร่นัก มีเพียงแค่ 46% ที่เห็นด้วยว่าผู้นำในองค์กรมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับพนักงาน

ไทยพร้อมทำงานยุคดิจิทัลแล้ว

ในประเทศไทย 67% บอกว่ามีความรู้สึกพร้อมกับโลกการทำงานยุคดิจิทัลแล้ว ทั้งองค์กร บุคลากรมีความพร้อมมากขึ้นกว่าปีก่อนที่มีสัดส่วน 47%

พนักงานต้องการวิถีการทำงานรูปแบบใหม่

ในปัจจุบันพนักงานที่ทำงานแบบเคลื่อนที่จะเปิดรับการทำงานแบบยืดหยุ่น องค์กรต้องพิจารณารูปแบบการทำงานใหม่ๆ โดยเฉพาะในอนาคตจะมีคนยุคดิจิทัล หรือคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2543 เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดแรงงาน

79% ให้ความสำคัญกับการผสมผสานการทำงาน และชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกัน ปัจจุบันมีเส้นแบ่งแบบเลือนรางอยู่

การที่จะเข้าสู่วิธีการทำงานใหม่ๆ พบว่ามีปัญหาของคนทำงานอยู่ 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่

  • 33% ของคนตอบแบบสอบถาม บอกว่า ยุคนี้มีการนัดประชุมมากเกินไป ต้องทำงานแบบ face to face ทำให้เสียเวลาในการทำงานบางส่วน อยากให้ลดเวลาในการประชุม
  • 24% บอกว่าเรื่องคนในทีมไม่เปิดรับความคิดเห็นใหม่ๆ ที่จะปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น และทีมงานใช้เวลาในการสื่อสารมากเกินไป
  • 23% บอกว่าองค์กรในยุคนี้ใช้เวลามากเกินไปในการสอนพนักงานใหม่
  • 22% บอกว่าสมาชิกในทีมไม่ปรับตัวให้เข้ากับตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นของทีม
  • 49% บอกว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการทำงานร่วมกัน มีผู้นำที่แข็งแกร่ง และการบริหารที่เปิดกว้าง จะช่วยสร้างทีมให้แข็งแกร่งได้

เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

ผลสำรวจนี้ยังพบว่า คนทำงานต้องการอุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีที่ช่วยทำงานได้ดีขึ้น 43% ต้องการเข้าถึงเครื่องมือบนคลาวน์เพื่อทำงานที่มีประสิทธิภาพ และ 28% ต้องการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีที่จะช่วยทำงานภายในปี 2020 ผลสำรวจบอกว่า

  • 42% นึกถึง AI หรือ Artificial Intelligence ช่วยทำงานได้อย่างอิสระ ช่วยลดภาระในการทำงานได้
  • 42% อยากให้มีระบบเครือข่ายสังคมภายในองค์กร เพื่อรองรับการสื่อสารด้วยวิดีโอและเสียง
  • 40% ต้องการพื้นที่การทำงานเสมือนจริง ที่รองรับการพูดคุย แชร์เอกสารแบบเรียลไทม์ได้