10 ประเด็นร้อน “เทรนด์อินเทอร์เน็ต” แห่งปี จากรายงานที่ได้ชื่อว่าทรงอิทธิพลมากที่สุดของ Mary Meeker

แมรี่ มีเกอร์ (Mary Meeker) เป็นนักวิเคราะห์ชื่อดังที่สร้างตัวจากบริษัทวิจัยมอร์แกนสแตนด์เลย์ (Morgan Stanley) จนปัจจุบันคือเคพีซีบี (Kleiner Perkins Caufield & Byers) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ล่าสุดมีเกอร์เปิดเผยรายงานแนวโน้มอินเทอร์เน็ตประจำปีที่สื่อทั่วโลกยกให้เป็นหนึ่งในรายงานที่มีอิทธิพลมากที่สุด โดยรายงานปีนี้สามารถสรุปได้อย่างน้อย 10 ประเด็นร้อนจากสไลด์กว่า 355 หน้า

รายงานดังกล่าวมีชื่อว่า Mary Meeker’s 2017 Internet Trends Report ถูกเปิดเผยในเวทีงานประชุมที่สำนักข่าวรีโค้ด (Re/code) จัดขึ้นในชื่อโค้ดคอนเฟอร์เรนซ์ (Code Conference) เมื่อวันพุธที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ส่วนหนึ่งใน 10 ประเด็นร้อนจากรายงานนี้มีทั้งภาวะตลาดสมาร์ทโฟนชะลอการเติบโต สวนทางกับตลาดเกม อีคอมเมิร์ซ และอีกหลายธุรกิจที่ขยายตัวก้าวกระโดด

1. การเติบโตของสมาร์ทโฟนช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

เนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนนั้นเพิ่มขึ้นเพียง 3% ในปี 2016 น้อยกว่าปีก่อนหน้าที่ยอดจัดส่งมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 10% การเติบโตของจำนวนผู้ที่ซื้อและใช้สมาร์ทโฟนที่ชะลอตัวยังทำให้การติดตั้งแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเพียง 12% ในปี 2016 เท่านั้น น้อยกว่ามากเทียบกับ 25% ที่ได้รับในปี 2015

2. ธุรกิจโฆษณาออนไลน์เติบโตขึ้นได้ด้วยตลาดอุปกรณ์พกพา

ตัวเลขรายได้รวมโฆษณาออนไลน์ปี 2016 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 22% สูงกว่าสัดส่วน 20% ที่เคยทำได้ในปี 2015

อย่างไรก็ตาม เงินสะพัดส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากโทรศัพท์มือถือ เห็นได้ชัดจากรายได้จากโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อน ที่นั้นสูงกว่าโฆษณาบนเดสก์ท็อปแล้ว แถมตลาดการโฆษณาออนไลน์ทั่วโลกยังคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดแซงทีวีในอีก 6 เดือนข้างหน้า

อีกข้อมูลที่ไม่น่าแปลกใจคือโฆษณาบนเครือข่ายโฆษณาของกูเกิล (Google) และเฟซบุ๊ก (Facebook) นั้นครองสัดส่วนถึง 85% ของการเติบโตโฆษณาออนไลน์ในสหรัฐฯ ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของ 2 ยักษ์ใหญ่ในโลกการโฆษณาออนไลน์

3. เสียงกำลังมีอิทธิพลเพิ่มขึ้น

เรื่องนี้มีเกอร์อธิบายว่าผู้คนยุคนี้เริ่มใช้อุปกรณ์ผู้ช่วยเสียงกันมากขึ้น อย่างเช่น อเล็กซ่า (Alexa) ของแอมะซอน, สิริ (Siri) ของแอปเปิล และกูเกิลแอสซิสเทนต์ (Google Assistant) จุดนี้รายงานระบุว่าตลอดปี 2016 ที่ผ่านมา 20% ของการค้นหาบนมือถือเกิดขึ้นโดยเสียงพูดของผู้ใช้

4. มาตรฐานงานบริการลูกค้ากำลังถูกยกระดับขึ้น

โดยการสำรวจพบว่าทั้งปี 2016 ที่ผ่านมา ผู้บริโภคราว 82% ตัดสินใจหยุดทำธุรกิจกับบริษัท หลังจากพบประสบการณ์ที่ไม่ดี ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 76% ในปี 2014

5. อีคอมเมิร์ซยังเติบโตต่อไป

การวิเคราะห์ของมีเกอร์พบว่าจำนวนพัสดุที่จัดส่งในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นกว่า 9% ในปี 2016 ถือเป็นสัญญาณว่า
e-commerce ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การสำรวจยังพบว่าตัวเลขยอดขายในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2015 ถึงปี 2016

6. ตลาดวิดีโอเกมกำลังพัฒนา และยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ประเด็นนี้มีเกอร์ระบุว่า ปัจจุบัน มูลค่าตลาดวิดีโอเกมในขณะนี้คือ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯทั่วโลก โดยเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้นั้นมาจากเอเชีย

สถิติล่าสุดขณะนี้คือปัจจุบันมีผู้เล่นเกมจำนวน 2.6 พันล้านรายทั่วโลก เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับ 100 ล้านคน ในปี 1995 ผลจากเทรนด์ในตลาดเกมขณะนี้ที่คอเกมจะเล่นร่วมกัน แทนที่จะเป็นเกมที่ต่างคนต่างเล่นเหมือนในอดีต

ที่สำคัญ ตลาดเกมบนมือถือยังขยายตัวชัดเจน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 300% ระหว่างปี 2015 ถึงปี 2016

7. สื่อสตรีมมิ่งจะเติบโตแรง

การศึกษาของมีเกอร์พบว่ารายได้จากบริการสมัครสมาชิกและบริการเพลงแบบสตรีมมิ่ง เช่น สปอติฟาย (Spotify),
แอมะซอนมิวสิก (Amazon Music) และแอปเปิลมิวสิก (Apple Music) ครองส่วนแบ่งรายได้ในธุรกิจเพลงถึง 52% เมื่อเทียบกับ 0% ในช่วง 13 ปีที่แล้ว

รายได้จากบริการโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 30% ของรายได้ในตลาดโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์รวมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ชิงส่วนแบ่งจากผู้ประกอบการเคเบิลและบริษัทสื่ออื่นๆ ไปได้อย่างชัดเจน

8. จีนกำลังอยู่ในยุคทองของตลาดโมบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์หรือความบันเทิงบนมือถือ

มีเกอร์กล่าวว่า จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์มือถือของจีนเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2016 แตะระดับ 700 ล้านคน สถิตินี้สะท้อนการเติบโตต่อเนื่องจากที่มีอัตราเติบโต 11% ในปี 2015

สำหรับบริษัทที่ได้รับอานิสงส์เต็มที่จากปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์พกพาของชาวจีนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่บริษัทเท็นเซ็นต์ (Tencent) ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันสนทนายอดนิยมวีแชต (WeChat) บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่างอาลีบาบา (Alibaba) และไป่ตู้ (Baidu) ผู้ให้บริการเครื่องมือค้นหาสัญชาติจีน

9. นอกจากการใช้อินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์พกพา การขนส่งในจีนก็มีอัตราเติบโตน่าสนใจด้วย

ระบบเช่ารถและจักรยานตามความต้องการหรือ on-demand transportation ของจีน คิดเป็นสัดส่วน 67% ของส่วนแบ่งตลาดบริการ on-demand ทั่วโลก

เบ็ดเสร็จแล้ว มีเกอร์ชี้ว่า ผู้บริโภคในประเทศจีนมีการเดินทาง 10 พันล้านเที่ยวในปี 2015 ตลาดที่เติบโตชัดเจนคือตลาดเช่าจักรยานหรือ on-demand bikes เนื่องจากสถิติพบว่าผู้ใช้มากกว่า 2 ใน 3 เดินทางด้วยจักรยานมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์

10. การแข่งขันของธุรกิจออนไลน์ในอินเดียกำลังระอุ

เรื่องนี้เป็นผลจากยอดขายสมาร์ทโฟนในอินเดียที่เพิ่มขึ้น 15% ในไตรมาสแรกของปีนี้ (2017) คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อปีตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2016

นอกจากนี้ ราคาค่าใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตในอินเดียยังลดลง ส่งผลให้ชาวอินเดียหันมาใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ดังนั้นมีเกอร์จึงชี้ว่า นี่คือโอกาสทองที่รอบริษัท อินเทอร์เน็ตทั่วโลกอยู่ เพราะชาวอินเดียกำลังสนใจและสั่งซื้อสินค้าผ่านโมบายอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นชัดเจน

ผู้สนใจ สามารถติดตามอ่านรายงานฉบับเต็ม บนสไลด์ 355 หน้าได้ที่นี่.


ที่มา : https://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000056016