ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศในดวงใจของคนไทยหลายๆคนซึ่งมีอิทธิพลในประเทศไทยอย่างมากคนไทยมีความชื่นชอบทั้งอาหารสินค้านวัตกรรมและวัฒนะธรรมในขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทยจำนวนมาก
โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) เทรดดิ้ง เฮ้าท์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยยาวนาน 60 ปีแล้ว ธุรกิจหลักคือการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อป้อนให้กับบริษัทรถยนต์ต่างๆ มีสัดส่วนรายได้ 80% และธุรกิจคอนซูมเมอร์ โปรดักส์ สัดส่วน 20% ซึ่งรุปแบบธุรกิจเป็นแบบ B2B ทั้งหมด
แต่ด้วยธุรกิจกิจรถยนต์ไม่ได้มีการเติบโตสูงมากเหมือนในอดีต ตลาดมีการทรงๆ มาสักพักแล้ว ทำให้บริษัทมีการปรับพอร์ตเพิ่มสินค้าในธุรกิจคอนซูมเมอร์โปรดักส์ให้มากขึ้น เพื่อต้องการให้เข้าถึงผู้บริโภค รุกตลาด B2C หนักขึ้น คำตอบจึงเป็นการจัดงานแฟร์ “โตโยสึ เจแปน เฟสติวัล” เทศกาลสินค้าไลฟ์สไตล์จากประเทศญี่ปุ่น ทางโตโยต้า ทูโชเป็นผู้ติดต่อร้านค้า นำเข้าสินค้ามาจำหน่ายภายในงาน จัดขึ้นที่สยามพารากอน เพราะมองว่าเป็นทำเลที่เดินทางง่าย เข้าถึงคนทุกวัย
งานแฟร์นี้เป็นการจัดงานครั้งแรกของบริษัท และเป็นการบุกธุรกิจคอนซูมเมอร์ โปรดักส์รูปแบบ B2C แบบเต็มตัว ซึ่งแต่เดิมธุรกิจคอนซูมเมอร์ โปรดักส์หรือเป็นกลุ่ม Non-Automotive จะมีสินค้าหลากหลาย ทั้งธุรกิจสิ่งทอ รับทำชุดยูนิฟอร์มให้บริษัทต่างๆ, ส่งออกอาหารแช่แข็ง, เม็ดพลาสติก, ประกันภัย และธุรกิจการแพทย์ ซึ่งเป็นรูปแบบ B2B ทั้งหมด
แต่ครั้งนี้โตโยต้า ทูโช ต้องการสร้างแบรนด์ เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคได้เร็วขึ้น และมองว่าสินค้าคอนซูม เมอร์โปรดักส์ เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายที่สุด และคนไทยมีพฤติกรรมชอบเดินงานเทศกาล หรือตลาดนัด ถ้ามีสินค้า และราคาที่เหมาะสมก็จะยิ่งดึงดูดได้มากขึ้น
ภายในงานโตโยสึ เจแปน เฟสติวัลจะมีทั้งหมด 121 ร้านค้า แบ่งเป็นอาหาร 60% และอื่นๆ 40% เช่น กลุ่มแมjและเด็ก ความงาม กีฬา ท่องเที่ยว และสุขภาพ จะเน้นบูทร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ เพราะคนไทยชอบอาหารการกิน และสินค้าแม่และเด็ก รวมถึงสินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นแบรนด์ที่ไม่เคยทำตลาดในเมืองไทยมาก่อน
คิโยโยชิ โอบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศสำคัญ และทำตลาดมายาวนานที่สุดในกลุ่มต่างประเทศไทศของโตโยต้า ทูโช ทางบริษัทแม่มีแฟนในการปรับพอร์ตเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Non-Automotive มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ในประเทศญี่ปุ่นมีจัดงานแฟร์มาแล้ว 5 ปี เลยนำโมเดลนี้มาปรับใช้ที่ไทย เพราะคนไทยชื่อชอบประเทศญี่ปุ่นทั้งอาหาร ท่องเที่ยว และวัฒนธรรม การจัดงานแฟร์จึงเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายสุด”
ทางด้าน อนุษฐา เชาว์วิศิษฐ ผู้จัดการฝ่ายบัญชี และการเงิน บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด เสริมว่า “ในประเทศไทยมีงานแฟร์อยู่จำนวนมาก ตลาดตรงนี้ยังมีโอกาสสูงอยู่ เพราะคนไทยชอบเดินงานเทศกาล ชอบเดินตลาด ชอบดูสินค้า เพียงแต่ต้องสร้างความแตกต่างในตลาด ต้องนำสินค้าที่โดดเด่นไม่เคยจำหน่ายที่ไทย เป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม”
โตโยต้า ทูโชใช้จุดแข็งในด้านโลจิสติกส์ และ Supply Chain Management ในการบริหาร และขนส่งสินค้าให้กับคู่ค้า โดยการจัดงานแฟร์ครั้งนี้เหมือนเป็นการลองตลาดให้กับสินค้าต่างๆ ถ้าผลตอบรับดีก็เตรียมนำเข้าสินค้ามาจำหน่ายที่โมเดิร์นเทรดทั่วไปในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีแผนที่จะจำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก และสินค้าสุขภาพก่อน วางแผนจะเริ่มจำหน่ายช่วงต้นปี 2561
มีการตั้งเป้าผู้เข้างานจำนวน 50,000 คน และมีเงินสะพัดภายในงานมูลค่า 30-40 ล้านบาท
ปัจจุบันโตโยต้า ทูโชบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีสัดส่วนของกลุ่ม Non-Automotive 40% ตั้งเป้าให้มีสัดส่วน 50% ให้ได้ ส่วนในประเทศไทยที่ปัจจุบันมี 20% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 25-30% ภายในปี 2563 เพราที่ไทยยังคงเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนแห่งใหญ่ของโตโยต้า ทูโชอยู่
