ชำแหละเครือข่ายธุรกิจ “เข็มทิศชีวิต” จากหลักสูตรดัง สู่เจ้าของอสังหาฯ–โกยหุ้น 200 ล้าน

กำลังเป็นที่สนใจ และถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับคอร์ส “เข็มทิศชีวิต” ของ ครูอ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่มีดาราและนักธุรกิจดังเข้ามาร่วมคอร์สจำนวนมาก มีผลตอบรับทั้งในแง่ดีและแง่ลบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

การมีคนดังการออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักสูตรในช่วงเวลาติดๆ กัน สร้างความกังขาการเรียนการสอนในเชิงดราม่ามากมาย ที่วิจารณ์ในโลกโซเชียลถึงความไม่ชอบมาพากล ที่ช่วงหลังๆ จะเน้นดราม่า และรีวิวเรื่องความร่ำรวย มีการโชว์รูป ถ่ายคู่กับดารา นักธุรกิจ คนรวยมากมาย จนถูกนำไปเปรียบว่า กำลังเหมือนกับลัทธิเข้าไปทุกที

จนมีการชำแหละถึงค่าคอร์สหลักสูตรเข็มทิศชีวิต สร้างรายได้ให้กับครูอ้อย-ฐิตินาถ อย่างเป็นล่ำเป็นสัน เฉลี่ยปีละไม่ต่ำ 90 ล้านบาท ! ยังไม่รวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นเจ้าของพอร์ตหุ้นที่มีมูลค่า 200 ล้านบาท

เรามาดูกันว่า เครือข่ายธุรกิจเข็มทิศชีวิต จากการใช้กลไกการตลาด ที่อาศัยคนดังในการสร้างชื่อและเครือข่ายธุรกิจให้เธอได้ขนาดไหน จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท เข็มทิศความสุข จำกัด จดทะเบียนวันที่ 1 กันยายน 2558 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการ จัดประชุมและสัมมนา ตั้งอยู่ที่ 64/2 หมู่ที่ 7 ต.ท่าสะอ้าน.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีกรรมการ 4 คน คือ นางสาวฐิตินาถ ณ พัทลุง, นางสาววรลักษณ์ ทองมาก นางสาว ศิริรัตน์ ต. สุวรรณ และนายไสว ณ พัทลุง 

แจ้งผลประกอบการ ปี 2558 (14 มิถุนายน 2560 ) ระบุว่า มีรายได้ 4,923,835 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,009,804 บาท สินทรัพย์รวม 10,002,600 บาท หนี้สินรวม 7,742,796 บาท

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของทีมข่าวผู้จัดการ LIVE ได้สำรวจคอร์สค่าเรียนของครูอ้อย ราคาเริ่มต้นที่ 25,000 บาท – 45,000 บาท ระยะเวลา 2-7 วันขึ้นไป อาทิ คอร์ส “อำนาจแห่งการคิดดี (The Power of good thoughts)” ซึ่งจัดขึ้นครั้งละ 2 วัน ราคา 25,000 รับ 100 คน (ส่วนใหญ่รับครั้งละไม่ต่ำกว่า 50 คน) คิดเป็นเงิน 2.5 ล้านบาท !!

โดยคอร์สดังกล่าวจัดเดือนละ 2 ครั้ง คิดเป็นเงิน 5 ล้าน ซึ่งเมื่อลองรวมรายได้ภายใน 1 ปีจากคอร์สนี้คอร์สเดียว เท่ากับครูอ้อยมีรายรับไปเหนาะๆ อยู่ที่ 60 ล้านบาท !!

ขณะที่ข้อมูลจากนักสืบพันทิป ออกมาเปิดเผยรายการคำนวณรายได้ของกลุ่มบริษัท เข็มทิศสัมมนา ดังนี้

คอร์สเข็มทิศ NLP 2 วัน ราคา [25,000 บาท/คน] x [นักเรียนขั้นต่ำ 200 คน/ครั้ง] x [1 เดือน เปิด 2 ครั้ง] x 12 เดือน = รายรับ 120,000,000 บาท (หนึ่งร้อยยี่สิบล้านบาท) รายจ่ายในการอบรมหลักๆ จะมีแค่ค่าจัดการสถานที่ ประมาณ [1,200,0000 บาท/ครั้ง] x [1 เดือน เปิด 2 ครั้ง] x 12 เดือน = รายจ่าย 28,800,000 บาท (ไม่ถึง 1/4)

สรุปกำไรสุทธิจากการจัดคอร์สสัมมนาเข็มพิษ NLP (120,000,0000 – 28,800,000) = ประมาณ 90 ล้านบาท/ปี

แต่หลังจากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ทีมงานโค้ชชีวิต ต้านทานกระแสสังคมไม่ไหวจึงได้ลบทิ้งภาพคนดังที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับไลฟ์โค้ช แล้ว ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง” ก็ลบราคาค่าคอร์สห้องเรียนเข็มทิศชีวิตทั้งหมดแล้ว

ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง เคยทำงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ให้กับบริษัทในเครือบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และที่บริษัท Gemopolis ก่อนจะออกมาร่วมหุ้น ตั้งบริษัทขายเพชร Working Diamond และโด่งดังมากในการออกหนังสือ How to ที่มีชื่อว่า “เข็มทิศชีวิต” ในปี 2547 ที่มีการโปรโมตเรื่องราวของเธอ ที่สามารถก้าวผ่านความยากลำบาก นอกจากจะต้องสูญเสียสามีแล้วเธอยังต้องเป็นหนี้กว่า 100 ล้านที่สามีก่อไว้โดยที่เธอไม่ได้รับรู้ด้วย แต่เธอก็สามารถปลดหนี้ที่มีร่วม 100 ล้าน ได้ภายใน 2 ปี

แม้ในความเป็นจริง การปลดหนี้ของเธอจะเป็นการขายทรัพย์สิน ตัดทิ้งขายกิจการ บริษัท ไดมอนด์ ทูเดย์ ออกไป และเนื้อหาของหนังสือส่วนใหญ่ก็เป็นการสรุปเนื้อหาจากหนังสือต่างประเทศแล้วเอามาปรับแนวคิดให้เข้ากับคนไทย แต่ปรากฏว่าเนื้อหาก็โดนใจคนจำนวนมาก กระทั่งมีการตีพิมพ์อยู่หลายครั้งก่อนที่จะมีเล่ม 2 (ตอนกฎแห่งเข็มทิศ พ.ศ.2551) และเล่ม 3 (ตอนกฎแห่งความสุข พ.ศ.2552) จนทำให้เธอมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ต่อมาเธอจึงเปิดคอร์สสอนหลักสูตรเข็มทิศชีวิตที่มีคนให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก จนเป็นที่มาของภาพลักษณ์ของ “ครูอ้อย” ผู้ให้กำลังใจและช่วยคลายปมชีวิตของผู้ที่มีปัญหา ให้กับบรรดาลูกศิษย์ที่ล้วนแต่เป็นคนดัง เซเลบริตี้ ดารา นักร้อง นักธุรกิจ

วิธีที่เธอใช้ในการโปรโมตหลักสูตร คือ การเชิญ ดารา นักร้อง ให้มาทดลองเข้าคอร์สได้ “ฟรี” เพื่อที่ว่าจะอาศัยคนดังเหล่านี้เป็นช่องทางการโปรโมต หลักสูตรเข็มทิศชีวิตอีกที เพราะนอกจากคนดังเมื่อมาเข้าหลักสูตรแล้ว ก็มักจะโพสต์ลงในไอจี และเฟซบุ๊กของตัวเอง ทางหลักสูตรเข็มทิศชีวิตเอาภาพของเหล่าคนดังมาลงในเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างการจดจำผ่านคนดังเหล่านี้ ตามกลไกการตลาดออนไลน์ผ่านคนดังในการจุดกระแส

จนเป็นที่มาของดาราดัง “เอ๋-มณีรัตน์ คำอ้วน” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กสรุปความว่า ภาพของเธอที่ร่วมกิจกรรมคอร์สห้องเรียนเข็มทิศชีวิตนั้นเป็นภาพเก่าเมื่อ 3 ปีก่อนที่ถูกนำมาใช้โปรโมตวนเวียนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นทางผู้จัดก็ไม่ได้บอกว่าจะนำมาใช้ในการโปรโมตด้วย

จากนั้น นที เอกวิจิตร หรือ อุ๋ย บุดดาเบลส และ ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ ครูสอนนักแสดง โรงเรียนสอนการแสดง The Drama Academy ก็ออกมาชี้แจงกรณีมีภาพตนเองถูกนำไปอ้างขายคอร์สห้องเรียนเข็มทิศชีวิตด้วยเช่นกัน 

เจ้าแม่ธุรกิจอสังหาฯ-เล่นหุ้น

นอกจากเปิดการสอนหลักสูตรเข็มทิศชีวิต กลางปี 2559 ฐิตินาถ ยังมีธุรกิจหมู่บ้านจัดสรรที่มีชื่อว่า “เข็มทิศ วิลเลจ” บ้าน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ บริเวณหน้าจุดขึ้นลงทางด่วนมอเตอร์เวย์ บางวัว-ฉะเชิงเทรา ในราคาเริ่ม 3.95 ล้านบาท ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “สง่างาม ภูมิฐาน สังคมอบอุ่น ทรงพลัง” อีกด้วย โดยโปรโมตผ่านเฟซบุ๊กของเธอเอง และยังระบุถึงการใช้ทีมงานสถาปนิก วิศวกร ที่เป็นลูกศิษย์เข็มทิศชีวิต คนทั่วไปจึงรู้จักในนาม โครงการของครูอ้อย เข็มทิศชีวิต

เมื่อโครงการแรกไปได้สวย ปลายปี 2559 ครูอ้อย-ฐิตินาถ จึงผุดคอนโดมิเนียม ชื่อ คอมพาส เรสสิเดนซ์ กลางเมือง ด้วยคอนเซ็ปต์ ร่มรื่น สไตล์อังกฤษ อยู่กันน้อยๆ คน ในราคาพอๆ กับย่านนอกเมือง แต่ได้อยู่ใจกลางเมือง ตึกสวยๆ สไตล์อังกฤษ ในถนนเย็นอากาศ ย่านเงียบสงบหรูหรา ร่มรื่นย่านสาทร ราคาเริ่ม 3.9 ล้าน

การขายแทบไม่ต้องกลไกการตลาดเหมือนคอนโดมิเนียมทั่วไป แค่ประกาศผ่านเครือข่ายลูกศิษย์ที่เข้าอบรม ซึ่งมีทั้งคนดังและนักธุรกิจกระเป๋าหนัก ที่รักและศรัทธาในตัวครูอ้อย ให้มาพักใกล้กัน ที่พักของเธอซึ่งป็นเพนต์เฮาส์หรูอลังการ ที่ถูกเผยแพร่ลงในสื่อต่างๆ ปรากฏว่า โครงการ คอมพาส เรสสิเดนซ์ ก็ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น 

ลงทุน 12 ล้านสร้างกำไร 200 ล้าน หุ้น ABC ในตำนาน

นอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว เธอยังได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในนักเล่นหุ้นในตำนาน สร้างกระแสฮือฮาให้กับนักลงทุนหุ้น โดยในปี 2557 เมื่อเธอได้ซื้อหุ้นบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ที่ว่ากันว่า จากเงินลงทุน 12 ล้าน ทำกำไรถึง  200 ล้านบาท เพราะเป็นหุ้นที่ติด 1 ใน 5 ในเวลานั้นที่ให้ผลตอบแทนถล่มทลาย 

เดิมที บริษัท แอสเซท ไบรท์ คือ บางกอกไนล่อน (BNC) ซึ่งผลิตถุงเท้าในเครือสหพัฒน์ แต่ประสบปัญหาขาดทุน ในปี 2556 นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ เข้ามาซื้อหุ้น และได้เปลี่ยนชื่อธุรกิจเป็นแอสเซท ไบร์ท และหันมาทำอสังหาริมทรัพย์ โดยซื้อห้องชุดเพื่อนำมาจำหน่ายต่อ เช่น โครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา และบ้านนวธารา ริเวอร์ไลฟ์ และยังมีสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วยโครงการ ABC Point

โดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ได้ถือหุ้นครองหุ้นอันดับ 3 มาตั้งแต่ปี 2557 ด้วยจำนวน 25,163,500 หุ้น สัดส่วน 1.91% ต่อมาในปี 2558 ซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 57,167,200 หุ้น ครองสัดส่วนถือหุ้น 2.17% และต่อมาในปี 2559 จนถึงปัจจุบัน เธอยังถือครองหุ้นอันดับ 3 ด้วยจำนวนหุ้น 118,551,100  หุ้น สัดส่วน 1.50%

ชำแหละขุมทรัพย์หนังสือเข็มทิศชีวิต

ก่อนหน้านี้ ในปี 2553 ช่วงที่เธอเป็นคู่กรณีกับ “พระปราโมทย์” หนังสือพิมพ์ประชาชาติได้มีการหาข้อมูลรายได้จากหนังสือเข็มทิศชีวิต ที่พิมพ์ซ้ำนับร้อยครั้ง สร้างเม็ดเงินให้กับเธอได้ขนาดไหนนั้น และจากข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุ เธอมีธุรกิจบริษัท บอสตัน โปรเจค จำกัด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2537 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรร ที่ตั้งเลขที่ 4/1 ซอย 18 ถนนราษฎร์อุทิศ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทำอยู่ 2 ปีก็จดทะเบียนเลิกกิจการ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2539

ต่อมาในปี 2547 ก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด อาศรมสารนาถ ผลิตและจำหน่ายหนังสือเข็มทิศชีวิต ทุน 3 แสน เพิ่มเป็น 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 64/2 หมู่ที่ 7 ตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีหุ้นส่วน 3 คน คือ  น.ส. ฐิตินาถ นายพิชาญ มหาชนก นางศิริรัตน์ ต. สุวรรณ

ปี 2551 ก่อตั้งบริษัท เข็มทิศชีวิต จำกัด ผลิตและจำหน่ายหนังสือ ทุนเริ่มแรก 3 แสน เพิ่มเป็น1 ล้านบาท ที่อยู่เดียวกัน โดย น.ส.ฐิตินาถ ถือหุ้น 66.6%  2. นางศิริรัตน์ ต. สุวรรณ 33.3%

ทั้งนี้ นางศิริรัตน์ ต. สุวรรณ เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช และนางศิริรัตน์ และนายชยธร ต. สุวรรณ ได้ก่อตั้ง บริษัท เข็มทิศหัวใจ จำกัด เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2553 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการ ผลิตและจำหน่ายหนังสือ, สื่อการเรียนการสอนทุกชนิด

นับเป็นเส้นทางการสร้างเครือข่ายธุรกิจ จากพ็อกเก็ตบุ๊ก “เข็มทิศชีวิต” ที่พิมพ์ถล่มทลาย จนกลายมาเป็นหลักสูตร ที่สร้างรายได้ปีละเกือบ 100 ล้าน และต่อยอดมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นเจ้าของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่า 200 ล้านบาท

จากนี้ไปต้องรอดูว่า แบรนด์ “เข็มทิศชีวิต” ของเธอ จะถูกสานต่อ หรืออาจจำเป็นต้อง “รีแบรนด์” ภายใต้สถานการณ์ที่คนในสังคมกำลังมีคำถามและข้อกังขา ถึงหลักสูตรเข็มทิศชีวิต ว่า กำลังหลงทิศไปแล้วหรือไม่

ภาพจาก : https://www.facebook.com/DDNARD/