สหพัฒน์ฯ ปรับแผนบุกออนไลน์ หันจับมือ “ลาซาด้า” เซ็นสัญญา ช่วยขายแบบครบวงจร ทำตลาด โลจิสติกส์ แวร์เฮาส์ และการตลาด เชื่อทำยอดขายเพิ่ม 10% แตะหมื่นล้านล้าน ภายใน 3 ปี
เส้นทางในการเข้าสู่โลกออนไลน์ของสหพัฒน์เริ่มมาเมื่อ 10 ปีแล้ว ด้วยการเปิดเว็บไซต์ www.thailandbest.in.th เป็นแพลตฟอร์มที่ได้ลองผิดลองถูกมาตลอด และมีการพัฒนามาเรื่อยๆ แต่ยังไม่ปังเท่าที่ควร เพราะยังไม่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างมากพอ
สหพัฒน์จึงได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่ายบนเว็บไซต์ลาซาด้า (lazada) ในปี 2557 แต่เป็นรูปแบบของซัพพลายเออร์ทั่วไป คือนำสินค้าไปวางขายบนเว็บไซต์ โดยมีสินค้ารวม 12 แบรนด์ ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า และเครื่องสำอาง ได้แก่ วาโก้, บีเอสซี, แอล, กุลสตรี, กีลาโรช, มิซูโน่, เลอ ค็อก สปอร์ทีฟ, อองฟองท์, แอบซอร์บา, แนทเชอร์ไลเซอร์, บีเอสซีและอาร์ตี้
แต่รายได้ของสหพัฒน์บนออนไลน์ก็ยังมีไม่ถึง 1% โจทย์ใหญ่จึงต้องหาพาร์ตเนอร์ที่จะช่วยสร้างรายได้จากช่องทางนี้ จึงเป็นที่มาของดีลระหว่างสหพัฒน์กับลาซาด้า ที่เป็นพันธมิตรกันระยะยาว
สิ่งที่ทางสหพัฒน์จะได้จากการจับมือกันครั้งนี้ นอกจากจะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายแล้ว ลาซาด้ายังเข้ามาช่วยเรื่องระบบการจัดการ โลจิสติกส์ แวร์เฮาส์ และการตลาด รวมทั้งยังมีโอกาสนำสินค้าอิมพอร์ตไปต่างประเทศได้ เพราะลาซาด้าได้ทำตลาดใน 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือมีโอกาสบุกประเทศจีนได้เพราะลาซาด้าเป็นบริษัทของอาลีบาบาแล้ว
โดยแบรนด์ที่จะนำไปจำหน่ายในเว็บไซต์ลาซาด้าจะเน้นที่แฟชั่นเป็นหลัก ส่วนเว็บไซต์ www.thailandbest.in.th ยังคงมีอยู่ โดยรวบรวมสินค้าภายในเครืออยู่ทุกแบรนด์มี ทั้งกลุ่มแฟชั่น อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง เครื่องใช้ภายในบ้าน สินค้าแม่และเด็ก และอื่นๆ
บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สหพัฒน์ได้ทำช้อปออนไลน์มา 10 ปีแล้วแต่มีการลองผิดลองถูกมาตลอด ซึ่งตลาดอีคอมเมิร์ซไม่ได้ทำง่ายๆ ไม่ใช่แค่ทำเว็บไซต์มาแล้วขายของ ต้องมีเรื่องระบบ วิธีการขาย รู้พฤติกรรมผู้บริโภคโกดังสินค้า การร่วมมือกับลาซาด้าซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงทำให้ทำธุรกิจได้เร็วขึ้นไม่ต้องเสียเวลาเหมือนในอดีต
เสี่ยใหญ่เสริมว่า ดีลนี้ได้ทำการพูดคุยกันไม่นานแค่ 2-3 เดือน เริ่มจากมีความคิดที่ว่าไหนๆ ก็เอาสินค้าไปลองขายในเว็บอยู่แล้ว และได้มีโอกาสเจอทางผู้บริหารของลาซาด้า จึงตกลงเซ็น MOU ที่งานสหพัฒน์แฟร์เลย
เหตุผลที่เสี่ยใหญ่เลือกสถานที่ในการเซ็น MOU ที่งานสหพัฒน์แฟร์ เพราะเป็นงานใหญ่ ให้ผู้บริโภคทั่วไปได้ทราบว่าสหพัฒน์มีอีกหนึ่งช่องทางจัดจำหน่าย และต้องการให้บริษัทในเครือได้รับรู้ทั่วกัน เพราะลำพังจะไปบอกว่าให้บริษัทในเครือรู้ทีละรายเป็นเรื่องยาก
กลยุทธ์ต่อไปของสหพัฒน์ในช่องทางออนไลน์จะกระตุ้นให้บริษัทในเครือออกสินค้าที่เหมาะกับช่องทางอีคอมเมิร์ซมากขึ้น หรือเหมาะกับผู้บริโภคที่ชอบช้อปออนไลน์ เพราะมองว่าถ้าเอาสินค้าปกติเข้าไปขาย ไม่สามารถขายได้เยอะ ต้องปรับเปลี่ยนสินค้าให้เหมาะสมกัน
จากการร่วมมือกับลาซาด้านครั้งนี้ สหพัฒน์เชื่อว่าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านออนไลน์ 10% หรือราวหมื่นล้านบาทภายใน 3 ปี
นอกจากนี้ โปรเจกต์นี้ได้ดันผู้บริหารรุ่นใหม่ ฐิติภูมิ โชควัฒนา“ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นลูกชายคนสุดท้องของ เสี่ยใหญ่ บุณยสิทธิ์” ขึ้นมารับผิดชอบโดยตรง ถือเป็นอีกก้าวที่ทางสหพัฒน์ได้ปรับตัวทางธุรกิจ และเรื่องบุคลากร