จับตา วิสัยทัศน์และความท้าทาย “อาลีบาบา กรุ๊ป” จาก 3 งาน ณ สำนักงานใหญ่ ในนครหังโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเด็นสำคัญจากแต่ละงานสามารถสะท้อนความเป็นไปในตลาดอีคอมเมิร์ซเอเชียและโลกได้อย่างน่าสนใจ
สินค้าเทรนด์ เน้นกลุ่มมิลเลนเนียน
อาลีบาบา กรุ๊ป จัดงาน “เถาเป่า เมกเกอร์ เฟสติวัล” ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 8-12 กรกฎาคม ณ ศูนย์นิทรรศการนานาชาติหังโจว โดยมีเจ้าของร้านค้าเถาเป่ากว่า 108 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 50%
ผู้ค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีโอกาสได้ร่วมงานดังกล่าวเป็นครั้งแรก และมีเถาเป่าเป็นช่องทางแรก และช่องทางหลักในการขายสินค้า
การจัดงานครั้งนี้ เพื่อต้องการสะท้อนถึงความหลากหลายและคึกคักของแพลตฟอร์มเถาเป่า ที่มุ่งเน้นคนรุ่นใหม่ “กลุ่มมิลเลนเนียล” ถือเป็นกลุ่มผู้ใช้หลักของแพลตฟอร์มเถาเป่า โดยมีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวน ใช้ “เถาเป่า” เป็นพื้นที่ทดลองแนวคิดใหม่ๆ เน้นสินค้าความคิดสร้างสรรค์ หรือเทรนด์ใหม่ๆ จากคนรุ่นใหม่ในจีน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ให้ความสนใจในสินค้าที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร
ส่วนธีมการจัดงานในปีนี้ คือ “Magical Bazaar” หรือตลาดสุดอัศจรรย์ แบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่ ๆ ที่เป็นตัวแทนของเทรนด์ทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต และการออกแบบ โดยเป็นสินค้าจากฝีมือคนดังในประเทศจีน และผลิตภัณฑ์ที่จุดประกายต่อยอดมาจากรายการ “ทีวีออนไลน์” หรือตัวละครยอดนิยม
อีกหนึ่งไฮไลต์ในงานเถาเป่า เมกเกอร์ เฟสติวัล ครั้งนี้ คือ ร้านค้าแห่งอนาคต เถา คาเฟ่ ซึ่งผสานนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลของอาลีบาบาเข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถทดลองเลือกซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องเข้าคิวชำระเงินเหมือนร้านค้าทั่วไป
นอกจากมหกรรม เถาเป่า เมกเกอร์ เฟสติวัล ในหังโจวแล้ว อาลีบาบา กรุ๊ป ยังจัดงานคู่ขนานในชื่อเดียวกันที่อาคาร ไทเป 101 ในไต้หวัน เพื่อจัดแสดงสินค้าจากฝีมือร้านค้าของทั้งไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ และเปิดเวทีให้ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวคิดและสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันต่อไปในอนาคต
ผู้หญิงกับโลกธุรกิจ
อาลีบาบา กรุ๊ป ได้จัดงานสัมมนาในประเด็น “ผู้หญิงในโลกธุรกิจ” เพื่อต้องการสร้างความทัดเทียม ลดช่องว่างระหว่างหญิง-ชาย ตัวงานสัมมนาจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยมุ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร นักการเมือง และผู้หญิงยุคใหม่ ได้เรียนรู้จากประสบการณ์และเรื่องราวความสำเร็จของผู้หญิงระดับแถวหน้าในโลกธุรกิจ เพื่อก้าวเดินสู่ความสำเร็จในยุคของผู้หญิง หรือที่อาลีบาบาเรียกว่า “SHE·ERA”
ปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน มีคนสำคัญระดับโลก ประกอบด้วย ลักษมี ปูริ, จิม ยอง คิม, จัสติน ทรูโด, เวร่า แวง รวมทั้ง แจ็ค หม่า เอง โดยมีผู้บรรยายสุภาพสตรีอีกกว่า 30 คนที่ล้วนประสบความสำเร็จในการผสมผสานหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบต่อสังคม และบทบาทในครอบครัว ร่วมแบ่งปันเรื่องราวภายใต้หัวข้อต่าง ๆ มากมาย
อาลีบาบาให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างหญิง-ชาย และการเสริมศักยภาพของผู้หญิงทั่วโลก จากพนักงานรวมกว่า 50,000 คนของอาลีบาบา กรุ๊ป มีพนักงานหญิงคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 47% ขณะที่หนึ่งในสามของกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งอาลีบาบา กลุ่มธุรกิจพันธมิตรของอาลีบาบา และกลุ่มผู้บริหารระดับสูงในปัจจุบัน ล้วนเป็นผู้หญิงเช่นกัน
แจ็ค หม่า ประธานบริหารของ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว “ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป ผมพบว่า เพื่อนร่วมงานหญิงของผมล้วนเป็นแรงผลักดันที่ยอดเยี่ยมให้เราก้าวมาสู่ความสำเร็จในจุดนี้”
เทรนด์ใหม่ “Made in Internet” เอสเอ็มอีห้ามพลาด
แจ็ค หม่า ยังได้กล่าวผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน จากทั้งประเทศจีน และทั่วโลก ในงานสัมมนา “Global Netrepreneurs Conference” โดยแนะแนวทางให้ธุรกิจขนาดย่อมหันมาใช้อินเทอร์เน็ตและนวัตกรรมบิ๊กดาต้าอย่างสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับระบบลอจิสติกส์ การเงิน และการประสานงานกับทั้งลูกค้า และคู่ค้า จนนำไปสู่การปรับรูปแบบธุรกิจให้เข้ากับโลกยุคใหม่ที่สินค้าไม่ได้ผลิตจากประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นผลงานจากกระบวนการสร้างสรรค์ที่ไร้พรมแดน จนเกิดเป็นนิยามใหม่ว่า “Made in Internet”
หม่า ยังคาดการณ์อีกว่า ในช่วง 30 ปีข้างหน้า นวัตกรรมอินเทอร์เน็ต, บิ๊กดาต้า, คลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะพัฒนาศักยภาพไปอย่างรวดเร็วเหนือทุกความคาดหมาย จนกระทั่งทำให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในทศวรรษหน้านี้ โดยที่ผู้บริโภคหรือธุรกิจขนาดเล็กอาจกลายเป็นผู้กำหนดปัจจัยในการผลิตสินค้า หรือแม้แต่แนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์แทน ภายใต้โมเดลธุรกิจแบบ C2B (consumer-to-business) ที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากลูกค้า
หม่า ได้เผยถึงรายละเอียดของกลยุทธ์ “Five News” ที่อาลีบาบา กรุ๊ป ได้นำเสนอเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา โดยครอบคลุมแนวคิดใหม่ทั้งในด้านธุรกิจค้าปลีก ภาคการผลิต การเงิน เทคโนโลยี และพลังงาน ในอนาคต ตลาดค้าปลีกจะผสมผสานรูปแบบการทำธุรกิจของโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน
ขณะที่ภาคการผลิตจะปรับรูปแบบการทำงานมาเป็นโมเดล C2B ส่วนภาคการเงินจะเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเงินทุนได้อย่างเท่าเทียมกัน ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการสามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจไว้ได้ด้วยบิ๊กดาต้า และคลาวด์
แดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะไม่จำกัดอยู่แต่ในโลกออนไลน์เท่านั้น ปัจจุบัน ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีมูลค่าคิดเป็นอัตราส่วน 15% ของตลาดค้าปลีกทั้งหมดในประเทศจีน แต่เราต้องมุ่งเป้าไปที่การเสริมศักยภาพให้กับตลาดค้าปลีกออฟไลน์อีก 85% ที่เหลืออยู่ด้วยเทคโนโลยีในโลกดิจิตอลที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าได้
งานสัมมนา “Global Netrepreneurs Conference” มีผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายวงการธุรกิจ นับตั้งแต่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ และฟินเทค ไปจนถึงหน่วยงานด้านการค้าระหว่างประเทศ และวงการบันเทิง สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วยการบรรยายและช่วงเสวนาบนเวทีในประเด็นต่าง ๆ มากมาย ทั้งธุรกิจค้าปลีกออนไลน์-ออฟไลน์ ระบบการซื้อขายสิทธิทางธุรกิจ โอกาสการเข้าถึงเงินทุน การสร้างสรรค์คอนเทนต์สำหรับโลกออนไลน์ และการยกระดับประสบการณ์ชอปปิ้งของผู้บริโภค