ไอทีดิ้นหนีเศรษฐกิจฟุบ

ตลาดสินค้าไอทีเร่งติดปีกหนีตลาดซบเซา ออกโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ทำโปรแกรมผ่อน 0% กันบ้าระห่ำ หวังกระตุ้นยอดขายให้เพิ่ม หลังพบสัญญาณคนไม่อยากซื้อข้าวของอีกพักใหญ่ พร้อมชี้ชัดปีหน้าจะไม่กำไร หรือเติบโตได้เหมือนเคยอีกแล้ว

แลก แจก แถม แผนกระตุ้นตลาด

หากใครเดินไปหน้าร้านคอมพิวเตอร์ กล้องดิจิตอล หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือในช่วงนี้ ต้องไม่ปฏิเสธแน่ว่าจะพบกับป้ายลดราคา ไม่ก็ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง แถมมีโปรแกรมผ่อน 0% ยาวนานตั้งแต่ 6 เดือนไป กินเวลายาวไปถึงปีครึ่ง

ผู้บริหารหลายคนยอมรับว่านี่คือสัญญาณของการกระตุ้นตลาดในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะขาลง แม้สำนักวิจัยหลายแห่งจะระบุว่า ยอดขายไอทีจะไม่ลดลงมาก ไม่เหมือนกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เพราะผู้คนมองว่าไอทีเป็น “โครงสร้างพื้นฐาน” ยังจำเป็นต้องควักเงินจ่ายใช้สอยกันอยู่บ้าง แต่การชะลอการซื้อสินค้าก็ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดดูหงอยเหงากว่าที่เคย และผู้ผลิตไม่มีทางเลี่ยงจะต้องออกมาเล่นบท “ลดแลกแจกแถม” ในเวลาเช่นนี้

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Apple ประกาศระบบเงินผ่อนสำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่อง MacBook, MacBook Pro และ iMac ทุกรุ่น ด้วยบัตรเครดิต สามารถผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ย 0% นานสูงสุดถึง 9 เดือน โดยผู้บริหารของ Apple ยอมรับว่าไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์การทำธุรกิจของ Apple ในไทย แต่ในเมื่อคนไม่อยากจะซื้อของแพง Apple ก็ต้องลงมาเล่นตลาดเงินผ่อน กระตุ้นให้คนหันมาใช้สอยกันให้ได้มากที่สุด

เช่นเดียวกันกับแคนนอนที่ยอมลงมาเล่นระบบเงินผ่อนสำหรับลูกค้าที่ซื้อกล้องดิจิตอลของแคนนอนเป็นครั้งแรก โดยเมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แคนนอนออกโปรโมชั่นผ่อน 0% ยาว 6 เดือน และอั้นไม่ไหวกับกระแสตลาดกล้องที่มีคนขายแบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง เท่ากับขายกล้องครึ่งราคา ทำให้แคนนอนเตรียมยืดเวลาผ่อนให้ยาวถึง 10 เดือนในเร็ววันนี้

เร่งขายของถูก

นอกเหนือจากกลยุทธ์ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง หรือให้คนผ่อนแบบปลอดดอกเบี้ยยาวกันข้ามปี ทั้งๆ ที่สินค้าราคาไม่กี่พันบาทแล้ว ผู้ผลิตสินค้าไอทีหลายรายเริ่มแตก Segment สินค้าในกลุ่มราคาถูกเพื่อกระตุ้นให้คนควักเงินออกจากกระเป๋าให้ง่ายขึ้น

เช่น ค่ายเอเซอร์เปิดตัว “e-machine” ซับแบรนด์น้องใหม่นำเข้ามาจากฝั่งอเมริกา เพื่อหวังจะใช้เจาะกลุ่มคนที่เลือกคอมพิวเตอร์แบบ “Functional” หรือขอให้มีทุกอย่างไม่สนใจเรื่องดีไซน์หรือสีสัน แต่สนใจเรื่องราคาเป็นหลัก ที่พบมากในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย รวมถึงกลุ่มคนที่ประกอบเครื่องด้วยตนเอง หรือกลุ่ม Clone ที่มีมากกว่า 50 % ของกลุ่มคนซื้อคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน

ผู้บริหารเอเซอร์ชี้ให้เห็นว่า ช่วงเวลาเช่นนี้ การออกสินค้าราคาถูก โดยใช้ Facility ร่วมกันกับแบรนด์หลักอย่างเอเซอร์ทั้งหมด ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ต้นทุนค่าจัดการ และช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งหมดได้ เมื่อบวกกับการผลิตสินค้าได้จำนวนมากๆ และเอาออกมาขายในราคาถูก หวังกระตุ้นยอด Volume นับเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย

ไม่เพียงแค่นั้น ผู้บริหารค่ายไอที และนักวิเคราะห์หลายคนฟันธงว่า การเติบโตของเน็ตบุ๊กในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จะยังคงต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ด้วยสาเหตุหลักจากการที่คนอยากได้ของราคาถูกมากกว่าของราคาแพง และเน็ตบุ๊กทำให้พวกเขาจ่ายน้อยลงและได้ของในแบบที่ใช้งานอย่างที่ต้องการ

จัดทัพใช้งบ ชักธงรบให้ตรงเป้า

นอกเหนือจาก พานาโซนิค ที่เพิ่งประกาศว่า ปีหน้าจะเป็นปีแรกที่พานาโซนิคคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตน้อยที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา จากเดิมที่เคยเติบโตแบบตัวเลข 2 หลัก ปีหน้าจะเหลือแค่ราวๆ 5 % เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายค่ายในอุตสาหกรรมไอทีที่ประกาศว่าจะปรับเป้าการเติบโตในปีหน้าไม่เหมือนอย่างปี 51

การปรับเป้าโตที่น้อยลง ส่งผลให้หลายค่ายต้องหันทบทวนการใช้จ่ายงบประมาณในปี 52 ที่จะถึง หลายค่ายเริ่มถ่ายเทงบการตลาดในส่วนของการสร้างแบรนด์มาใช้กับการทำการตลาดแบบหวังขายของให้ได้กันมากขึ้น อีกทั้งยังงัดกลยุทธ์การขายแบบเจาะกลุ่มกันมากขึ้น หลายคนเชื่อว่าการแบ่ง Segment สินค้าเอาไว้ตั้งแต่แรก ทำให้การขายของในช่วงนี้ทำได้ง่ายขึ้น และกระทบชิ่งไปถึงช่องทางการขายที่ถูกต้อง เช่น หลายรายเอาสินค้าไปเปิดบูทในมหาวิทยาลัย หรือใต้ออฟฟิศขนาดใหญ่ เพื่อหวังขายของให้กับเด็กมหาวิทยาลัยและพนักงานในบริษัท เป็นต้น

แม้ไอดีซีและผู้ผลิตสินค้าไอทีจะเปิดเผยตัวเลขการเติบโตของสินค้าไอทีว่าจะยังไม่ตกต่ำจนน่าตกใจมากนักในอนาคตอันใกล้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่า การที่คนไม่อยากจะซื้อของ ถือเป็นปัญหาหนักอกที่สุดในช่วงเวลานี้ และสิ่งที่ต้องเร่งลงมือทำกันอย่างเต็มที่ก็คือ หาหนทางไหนก็ได้มากระตุ้นให้คนใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด

ตัวเลขสะท้อนการปรับเป้าเติบโต
•ไอดีซีคาดการณ์การเติบโตของตลาดไอซีทีไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 12-13 เปอร์เซ็นต์ จากตัวเลขเฉลี่ย 15 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นมาในอดีต
•ซัมซุงปรับยอดขายรวมกล้องดิจิตอลปี 51 ลดจากเดิมที่เคยประมาณไว้ที่ 180,000 มาอยู่ที่ 150,000 เครื่อง
•เอเซอร์คาดว่าอัตราการเติบโตในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 30%
•ราคาค่ากล้องของไทยต่ำสุดในเอเชีย เฉลี่ยลด 20 % เทียบกับปี 50
•ไอดีซีชี้กลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กลุ่มที่ลงทุนด้านไอซีทีมากสุด อาจจะชะลอการลงทุนราว 3-5 ปี นับจากนี้
•ครึ่งปีแรกของปีนี้ ยอดขายพีซีลดลง 10-20% ยอดขายโน้ตบุ๊กลดลง 10-20%
•ยอดขายกล้องดิจิตอลลดลงจากที่ประมาณการ ต้นปี 51 คาดการณ์ที่ 1,200,000 เครื่อง ปลายปี 51 ลดเหลือ 1,000,000 เครื่อง