โตโยต้า ควงมาสด้า ลุยสร้างรถยนต์ไฟฟ้า เตรียมทดสอบในไทยปีนี้

โตโยต้ากับมาสด้า 2 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศเป็นพันธมิตรกันในด้านเงินทุน เพื่อพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตัวเอง โดยมีแผนจะทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยในปีนี้

การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้โตโยต้าจะเข้าซื้อหุ้นของมาสด้าราวร้อยละ 5 มูลค่า 450 ล้านดอลลาร์ ส่วนมาสด้าจะเข้าซื้อหุ้นของโตโยต้าร้อยละ 0.25 เพื่อมุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากโตโยต้ากับมาสด้ายังไม่ได้นำยานยนต์ไฟฟ้าออกจำหน่าย ดังนั้นจึงต้องการไล่ตามให้ทันการแข่งขันในโลกผ่านการร่วมมือกันนี้ 

ทั้ง 2 บริษัทได้เป็นหุ้นส่วนกันมาตั้งแต่ปี 2558 ในหลายด้าน เช่น เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่คาดว่าความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น เพราะยุโรป, สหรัฐฯ และจีนเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการปล่อยไอเสียจากยานยนต์

การร่วมมือของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ได้รับการตอบรับอย่างดีจากรัฐบาลญี่ปุ่น นายเคอิชิ อิชิอิ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคมและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ยินดีต่อแผนของโตโยต้าและมาสด้าในการเป็นพันธมิตรด้านเงินทุนระหว่างกัน โดยระบุว่า ความเป็นพันธมิตรนี้จะส่งเสริมการยกระดับความปลอดภัยและเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติของบรรดาผู้ผลิตจากญี่ปุ่น

วางแผนทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าที่จุฬาฯ

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่บริษัทโตโยต้าระบุว่า การทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กพิเศษที่นั่งเดียวจะมีขึ้นที่กรุงเทพฯ ในเดือนธันวาคมนี้และมีระยะเวลาทดสอบนาน 2 ปี

โตโยต้าจะทดสอบรถยนต์นี้ร่วมกับมหาวิทยาลัยในไทย โดยจะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่นั่งเดียว 30 คันให้เจ้าหน้าที่และนักศึกษาใช้เพื่อการเดินทางภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย 

ภาพจากสถานีโทรทัศน์ NHK

การทดสอบในประเทศไทยนี้ โตโยต้าวางแผนศึกษาความท้าทายที่อาจเผชิญเมื่อมีการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานโดยทั่วไปในประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย โดยทางโตโยต้าประเมินว่า การใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับการเดินทางระยะสั้นสามารถช่วยลดการจราจรติดขัด และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียที่ประสบภาวะการจราจรติดขัดรุนแรง เช่น ไทย

ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต่างเร่งปรับตัวด้านเทคโนโลยีครั้งสำคัญ โดยคิดหามาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนายานยนต์ขับเคลื่อนเองได้เพื่อตอบสนองต่อสังคมผู้สูงอายุที่จะขาดแคลนแรงงาน. 


ที่มา : manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9600000080063