“เป๊ปซี่” ปลดคน เทงบรีแบรนด์

แม้วิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ เริ่มส่งผลลบต่อยักษ์ใหญ่น้ำอัดลมอย่างเป๊ปซี่ (PepsiCo) จนต้องประกาศปลดพนักงานแล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่งเป๊ปซี่ก็เริ่มแผนรีแบรนด์อีกครั้ง

จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเป๊ปซี่รายงานว่ามีกำไร 1,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9.5% จากปีที่แล้ว ทำให้ต้องประกาศลดต้นทุน เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง ด้วยการปลดพนักงาน 3,300 คน จากการเปิดโรงงาน 6 แห่ง คิดเป็น 1.8% ของพนักงานทั่วโลก 185,000 คน เพื่อลดต้นทุนให้ได้ประมาณ 1,200 ล้านดอลลาร์ฯใน 3 ปีข้างหน้า โดยปีหน้าจะลดค่าใช้จ่ายได้ 350-400 ล้านดออลลาร์ฯ

งบที่ประหยัดได้ 1,200 ล้านดอลลาร์ฯนี้ จะมาใช้สำหรับการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ใน 3 ปีข้างหน้า

อินทรา นูยี ซีอีโอ ของเป๊ปซี่ บอกว่า การรีแบรนด์ครั้งนี้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในแบรนด์หลักๆ ของเป๊ปซี่ มีการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ลูกค้าเห็น เช่น แพ็กเกจ การจัดจำหน่ายผ่านชั้นร้านค้า และวิธีการที่แบรนด์เหล่านั้นเข้าถึงลูกค้า

อาร์เนลล์ กรุ๊ป ในกลุ่มออมนิคอม กรุ๊ป รับหน้าที่เป็นผู้รีดีไซน์กราฟิกของแพ็กเกจ รวมทั้งรีดีไซน์โลโก้รูปโลกของเป๊ปซี่ ซึ่งแถบขาวที่อยู่กลางโลโก้จะมีลักษณะดูนุ่มนวลคล้ายรอยยิ้มมากขึ้น ซึ่งรอยยิ้มนี้จะสะท้อนบุคลิกของแบรนด์เป๊ปซี่อย่างชัดเจน โดยรูปฉีกยิ้ม หรือยิ้มเห็นฟันจะสะท้อนแบรนด์ “ไดเอท เป๊ปซี่” และรูปหัวเราะจะสะท้อนแบรนด์ “เป๊ปซี่แม็กซ์” และอีกแบรนด์ภายใต้บริษัทเป๊ปซี่ คือ “เมาน์เทน ดิว” (Mountain Dew) จะรีแบรนด์เป็น “Mtn Dew”

“นูยี” กล่าวในที่ประชุมนักวิเคราะห์ว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวเช่นนี้ เครื่องดื่มน้ำอัดลมได้รับผลกระทบมากกว่าขนมขบเคี้ยว กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือเราควรลงทุนในส่วนที่ทำให้ลูกค้าอยู่กับเรา และสร้างความมีชีวิตชีวาให้แบรนด์ เป็นแผนความพยายามรักษารายได้ นอกเหนือจากแผนการพัฒนาธุรกิจอื่นๆ เช่นการลงทุนด้านขนมขบเคี้ยวที่เลือกการลงทุนแบบระมัดระวังมากขึ้น และการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”

รายงานยอดขายที่ลดลงของเป๊ปซี่ในไตรมาสที่ 3 ปรากฏว่ายอดขายในกลุ่มพื้นที่อเมริกาลดลง 4% โดยกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมลดลง 3% ส่วนกลุ่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลมลดลง 5%

นี่คือผลพวงของสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของธุรกิจจากเศรษฐกิจสหรัฐ จึงถึงเวลาเลือกว่าจะบริหารจัดการอย่างไร และถือเป็นการวัดฝีมือผู้นำโดยแท้