ป้ายอักษรฯ สำนักงานอาลีบาบา ที่เมืองหังโจว (ภาพเอเจนซี)
ค้าปลีกออนไลน์ อินโดนีเซีย คือเป้าหมายต่อไปของการรุกคืบเข้าสู่ตลาดยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีน ทั้ง “อาลีบาบา” ในการยึดครองตลาดในภูมิภาคนี้รวมทั้งคู่แข่งอย่างเจดีดอทคอม
รายงานข่าวจาก ไชน่าเดลี ระบุว่า อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ค้าออนไลน์จีน เตรียมลงทุน 1,100 ล้านดอลลาร์ ในเว็บค้าปลีกออนไลน์ของอินโดนีเซีย โทโคพีเดีย (Tokopedia) ซึ่งถูกคาดหมายว่า อีก 8 ปี (พ.ศ. 2568) มูลค่าค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 52% จะมาจากประเทศอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ โทโคพีเดีย เว็บค้าปลีกของอินโดนีเซีย ได้ผ่านการระดมทุนมาแล้ว 7 รอบ รวมกว่า 247.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีนักลงทุนรายอื่นๆ เช่น ซอฟท์แบงก์ และ ซีคัว แคปิตอล บริษัทด้านการลงทุนส่วนบุคคลของสหรัฐฯ โด
ตลาดค้าปลีกในประเทศ อินโดนีเซีย ได้กลายเป็นตลาดใหญ่สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน เพราะก่อนหน้านี้ คู่แข่งอีคอมเมิร์ซจีนอย่าง เจดี (JD.com) มีข่าวลือว่าจะลงทุนจำนวนหลายล้านเหรียญในบริษัทอินโดนีเซีย ดังนั้น การขยับตัวของอาลีบาบาจึงเป็นจังหวะการขยายและชิงพื้นที่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาลีบาบาได้กว้านซื้อหุ้นลงทุนในห้างสรรพสินค้าออนไลน์อย่าง ลาซาด้า ที่ประเทศสิงคโปร์มาก่อนแล้ว ด้วยการซื้อหุ้นราว 83 เปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับการประกาศแผนขายสินค้าจีนในต่างประเทศ
อาลีบาบา ยังได้เปิดตัว “เถาเป่าคอลเล็กชั่น” (Taobao Collection) บนแพลตฟอร์มลาซาด้า เพื่อช่วยให้ผู้ค้าจีนสามารถซื้อสินค้าในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียด้วยเช่นกัน โดยในปลายปีนี้ จะขยายเปิดในประเทศอินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์
รายงานของบริษัทฯ ระบุว่า อาลีบาบาได้รับประโยชน์จากการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจค้าปลีกระหว่างประเทศสามารถสร้างรายได้ถึง 2,640 ล้านหยวน ในไตรมาสที่สองของปีนี้ เพิ่มขึ้น 136 เปอร์เซ็นต์ เทียบรายไตรมาส
ข้อมูลของบริษัทการลงทุน เทมาเส็ก ระบุว่า ผู้บริโภคในประเทศ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความสามารถในการใช้จ่ายที่แข็งแกร่ง และภายในปี พ.ศ. 2568 จะมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซสูงถึง 88,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัดส่วนจากประเทศอินโดนีเซียเกือบ 52 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การพัฒนระบบขนส่งนับว่าสำคัญ ด้วยการจะส่งสินค้าไปยังผู้คนที่อาศัยอยู่ในกลุ่มเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 900 เกาะ เป็นเรื่องท้าทายของผู้ค้าปลีกในอินโดนีเซียเช่นกัน
ที่มา : manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9600000085357