การเมืองวิกฤต ประเทศไทยยิ่งโคม่า

ความขัดแย้งที่ถึงเวลาต้องเลือกข้าง เลือกเสื้อที่จะใส่ระหว่าง “เหลือง” กับ “แดง” เลือกสถานที่ที่จะไปรวมตัวกันระหว่าง “สนามหลวง สนามกีฬาราชมังคลาสถาน” หรือ “ทำเนียบรัฐบาล สะพานมัฆวาน” เลือกอุปกรณ์ “มือตบ หรือ ตีนตบ” เป็นอาการเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2549 เป็น 3 ปีแห่งความรุนแรง และนับวันจะยิ่งสาหัสมากยิ่งขึ้น จนเสียงซีอีโอของไทยต่างบอกว่านี่คืออีกหนึ่งวิกฤตที่จะทำให้ประเทศไทยโคม่า

“กลุ่มอำนาจเก่า” ที่มี “นายใหญ่” คือ “ทักษิณ ชินวัตร” แม้จะเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศ และถูกดำเนินคดีจนนับไม่ถ้วน มีโทษถึงคุกไปแล้ว แต่ “อิทธิพล” ยังสูงจนสามารถตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว 2 คน คือนอมินี “สมัคร สุนทรเวช” และน้องเขย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยในคุณธรรม จริยธรรม และภารกิจที่มาเคลียร์ทางให้ “นายใหญ่” กลับมามากกว่านายกรัฐมนตรีเพื่อประเทศชาติ

ความมุ่งมั่นของ “นายใหญ่” ยิ่งทำให้ “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” มีพลังสร้างมวลชนปักหลักไม่ถอย ยืนหยัดชุมนุมมานานกว่าครึ่งปี เป็นม็อบกลุ่มใหญ่ในโลกที่สามารถยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ชุมนุม

การต่อสู้ที่ยาวนานมากกว่า 5 เดือนโดยไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จบลงเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บุกวิ่งเข้าทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ จนมีคนตาย 1 คน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม แต่คือ “คนไทย” นำมาสู่การประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” พร้อมกับ “สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ” นักลงทุนถอนหุ้นจากตลาดหลายหมื่นล้านบาท นักท่องเที่ยวงดแผนเข้าประเทศไทย

อุณหภูมิทางการเมืองถึงจุดเดือด เมื่อ 7 ตุลาคม 2551 แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม พร้อมคนตายและเจ็บอีกจำนวนมาก พร้อมกับ “ทักษิณ” ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดา การ “ไซโค” ขย่มขวัญด้วยระเบิด เสียงปะทัดเป็นระยะๆ รอบๆ ทำเนียบรัฐบาล “การโฟนอิน” ปลุกคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ของ “แม้ว” ที่พยายามโชว์ฐานอำนาจ และที่สำคัญคือการดึงสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือ แม้จะอยู่ในสถานะเร่ร่อน ถูกอังกฤษยกเลิกวีซ่า แต่ “ทักษิณ” ก็ประกาศ “สู้ไม่ถอย” แสดงการ “หมิ่นศาล” และพร้อมเล่นเกมเพื่อให้ได้อำนาจกลับคืนมา

นี่คือปัจจัยการเมืองในประเทศ ที่ซีอีโอเกือบทั้งหมดบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คือปัญหารุนแรงพอๆ กับวิกฤตการเงินที่กำลังลุกลามไปสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกล้มละลาย และสิ่งที่น่ากลัวคือ ประเทศอื่นเผชิญเพียงปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่ประเทศไทยเจอวิกฤตการเมืองซ้ำเติม เพราะฉะนั้นประเทศไทยอาจถดถอยหนักจนยากจะเยียวยา

Timeline

ปี 2548
-ก.ย. “สนธิ ลิ้มทองกุล” เริ่มระดมผู้ชุมนุมผ่านรูปแบบการจัดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” หลังรายการถูกปลดจากช่อง 9 อสมท

ปี 2549
-ก.พ. กลุ่มผู้ชุมนุมภายใต้แกนนำ 5 คน “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ขับไล่รัฐบาลของ “ทักษิณ ชินวัตร”
-19 ก.ย. ทหารปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ

ปี 2550
-30 พ.ค. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย กรรมการบริหารพรรค 111 คน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5
-6 มิ.ย. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เริ่มรวมตัว
-19 ส.ค. ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550
-23 ธ.ค. เลือกตั้ง ส.ส. และพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ได้รับเลือก 233 ที่นั่ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ปี 2551
-29 ม.ค. “สมัคร สุนทรเวช” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25
-25 พ.ค. พันธมิตรฯรวมตัวอีกครั้งเพื่อขับไล่รัฐบาล “สมัคร”
-21 ก.ค. “รายการความจริงวันนี้” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเพื่อชนกับ “เอเอสทีวี”
-26 ส.ค. พันธมิตรฯเข้ายึดเอ็นบีที และยึด “ทำเนียบรัฐบาล”
-1 ก.ย. กลุ่ม นปก.ปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ มีผู้เสียชีวิต 1 คน
-2 ก.ย. รัฐบาล “สมัคร” ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการใน “สถานการณ์ฉุกเฉิน”
-9 ก.ย. “สมัคร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้สิ้นสุดจากการเป็น “นายกรัฐมนตรี”
-17 ก.ย. “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
-11 ส.ค. “ทักษิณ” ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 2 ปี ในคดีซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก ทำให้กลายสภาพเป็นนักโทษชาย (นช.) “ทักษิณ” ทันที
-7 ต.ค.พันธมิตรฯ ปิดล้อมรัฐสภา เพื่อสกัดไม่ให้ “สมชาย” แถลงนโยบายรัฐบาล ก่อนเข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ จนมีการปราบปรามผู้ชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาจากจีนที่หมดอายุ จนมีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บมากกว่า 60 คน
-1 พ.ย. “ทักษิณ” โฟนอิน ผ่านงานครอบครัวความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามกีฬาราชมังคลาสถาน อ้างจะกลับประเทศไทยต้องพึ่ง “พระบารมี”
-7 พ.ย. มีข่าวรัฐบาลอังกฤษถอนวีซ่า นช.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
-10 พ.ย. นช.ทักษิณให้สัมภาษณ์ “รอยเตอร์” สรุปใจความว่าเดินต่อหน้าสู้กับ “ศัตรูการเมือง” ต่อไป
-11 พ.ย. ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษยืนยันถอนวีซ่า