- ตั้งเป้าพลิกโฉมตลาดสมาร์ทโฟนด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
- เปิดตัว Mi 6 และ Redmi Note 4 พิสูจน์วิสัยทัศน์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เทคโนโลยีคุณภาพเยี่ยมที่ไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับราคาสูง
เสี่ยวมี่ หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ประกาศการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะพันธมิตรด้านการจัดจำหน่าย
ผู้บริหารของเสี่ยวมี่ และวีเอสที อีซีเอส ระบุว่าทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันเปลี่ยนความคาดหวังของผู้ใช้งานที่มีต่อเทคโนโลยีระดับโลกและคุณสมบัติการใช้งานกับราคาที่ต้องแลก โดยตั้งเป้าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตลาดสมาร์ทโฟนไทย ผ่านการจัดจำหน่าย ส่งเสริมการตลาด และสนับสนุนด้านบริการหลังการขายให้แก่ผลิตภัณฑ์ของเสี่ยวมี่ในประเทศไทย ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของเสี่ยวมี่จะจัดจำหน่ายผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์ ณ ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ผ่านความร่วมมือกับลาซาด้า ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซชั้นนำในประเทศไทย
เสี่ยวมี่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 โดยนักประกอบการเหลย จุน บนพื้นฐานวิสัยทัศน์ในการสร้างที่ว่า “นวัตกรรมสำหรับทุกคน” และได้เปิดตัวอินเตอร์เฟส MIUI รุ่นแรกบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ในปี พ.ศ. 2553 และเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในปีถัดมา ปัจจุบันเสี่ยวมี่เป็นผู้สร้างสรรค์สินค้ามากมาย อาทิ สมาร์ทโฟนตระกูล Mi และ Redmi รวมถึง Mi ทีวี และเซ็ตท็อปบ็อกซ์ Mi เราเตอร์ และผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Mi อีโคซิสเต็ม เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านอัจฉริยะ (smart home) ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสำหรับสวมใส่ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ดังที่รู้กันดีว่าเสี่ยวมี่นั้นมีปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ดังนั้นบริษัทจึงสานต่อความมุ่งมั่นนี้โดยขยายธุรกิจออกไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนก็เป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญของเสี่ยวมี่ ผู้บริหารของเสี่ยวมี่กล่าว
นายโดโนวาน ซง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด เสี่ยวมี่ โกลบอล กล่าวว่า “แนวทางของเสี่ยวมี่ในการเอาชนะใจผู้บริโภคคือการนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในราคาที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ผลิตภัณฑ์ของเสี่ยวมี่ล้วนแล้วแต่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นนำของตลาด ในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ ส่วนผสมนี้จะเป็นปัจจัยที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาด ทำให้ผู้คนปรับเปลี่ยนความคาดหวังที่มีต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยี เสี่ยวมี่จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้ส่งมอบความคาดหวังใหม่นี้ให้แก่ประเทศไทย”
เสี่ยวมี่แต่งตั้งบริษัทวีเอสที อีซีเอส ซึ่งมีประวัติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาตลอดช่วงเวลากว่า 3 ทศวรรษในประเทศไทย อีกทั้งยังมีผลงานการให้บริการหลังการขายเป็นที่ประจักษ์ผ่านวีเซิร์ฟพลัส (VServePlus) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ รวมถึงสาขาต่างๆ ของบริษัทรวม 10 แห่งทั่วประเทศที่พร้อมให้บริการด้วยทีมงานวิศวกรและเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้ามืออาชีพ
“เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเสี่ยวมี่ ซึ่งเป็นมากกว่าบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน แต่เป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัล และอินเทอร์เน็ต อ็อฟ ธิงส์ (IoT) เพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง ปรัชญาการดำเนินธุรกิจและสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของเสี่ยวมี่นั้นน่าทึ่ง ดังจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอีโคซิสเต็ม ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับยุคดิจิทัลและเทรนด์ใหม่ๆ จึงเชื่อมั่นว่าเสี่ยวมีจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้การแต่งตั้งวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ยังเป็นการสนับสนุนมี่แฟน (Mi Fans) ในประเทศไทยอีกทางหนึ่ง โดยเราจะทำทุกวิถีทางให้มี่แฟนได้รับบริการหลังการขายอันเป็นเลิศและเชื่อถือได้จากการสั่งสมประสบการณ์มากว่า 30 ปีในตลาดสินค้าไอที” นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานบริหาร บริษัทวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ภายในงาน เสี่ยวมี่ยังประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง พร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ Mi 6 และ Redmi Note 4 ซึ่งมีจำหน่ายแล้วในประเทศไทย
Mi 6 เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอกย้ำจุดยืนในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงนวัตกรรมเหล่านั้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835 บนเทคโนโลยีการประมวลผลสุดล้ำระดับ 10 นาโนเมตร จึงเป็นการยกระดับสมรรถนะการทำงานของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน Mi 6 มาพร้อมกับกล้องคู่อ็อพติคัลซูม เพื่อการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ไกลได้อย่างคมชัดยิ่งขึ้น และภาพถ่ายบุคคลที่คมชัดมีมิติแบบหน้าชัดหลังเบลอ
นอกจากนี้เสี่ยวมี่ยังได้เพิ่มแรมขึ้นไปเป็น 6GB ทั้งสำหรับรุ่นหน่วยความจำ 64GB และ 128GB โดย Mi 6 รุ่นสีดำที่มาพร้อมแรม 6GB หน่วยความจำ 64GB จะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นไปทางลาซาด้า และร้านอุปกรณ์ไอทีต่างๆ อาทิ ที่ไอที ซิตี้ ในราคา 13,790 บาท ส่วนรุ่นแรม 6GB หน่วยความจำ 128GB ที่มาในสีน้ำเงินสุดหรู ราคา 15,990 บาท พร้อมเปิดให้จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ (24 สิงหาคม) และจะวางจำหน่ายที่ลาซาด้า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน เป็นต้นไป และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊กเสี่ยวมี่ประเทศไทย (Mi Thailand: www.facebook.com/thailand.xiaomi)
“คนไทยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชนชาติที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟน เราจึงตื่นเต้นมากที่ได้นำ Mi 6 มายังประเทศไทย” นายโดโนวานกล่าว “นอกจาก Mi 6 จะเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนด้านสมรรถนะด้วยขุมพลังจากชิป Snapdragon 835 แล้ว ยังเป็นแบบอย่างของการพัฒนาด้านดีไซน์อย่างต่อเนื่อง และการผลักดันเทคโนโลยีด้านวัสดุ ตัวเครื่องที่ประกอบอย่างไร้รอยต่อด้วยกระจกและเซรามิกขอบโค้งทั้ง 4 ด้าน เราจึงมั่นใจว่า Mi 6 และ Redmi Note 4 จะได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากผู้ที่รักเทคโนโลยี รักงานดีไซน์ชั้นเลิศ และผู้ที่รักความคุ้มค่า”
สำหรับ Redmi Note 4 นั้นมาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 ส่งผลให้การทำงานรวดเร็วและไม่สะดุด ชุดชิป Snapdragon 625 นี้เป็นชิปชุดแรกในกลุ่มเดียวกันที่ใช้เทคโนโลยีการประมวลผล FinFET ระดับ 14 นาโนเมตร ส่งผลให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าชิปที่ใช้เทคโนโลยีระดับ 28 นาโนเมตร เมื่อทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 4100 mAh จึงทำให้ Redmi Note 4 สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันด้วยการชาร์ตเพียงครั้งเดียว Redmi Note 4 รุ่นแรม 4GB หน่วยความจำ 64GB มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ ทอง ดำ และเทาเข้ม พร้อมวางจำหน่ายทางลาซาด้า วันที่ 25 สิงหาคม และร้านอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เช่น ไอที ซิตี้ วันที่ 28 สิงหาคม ในราคาเพียง 6,790 บาท
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่สำคัญของสมาร์ทโฟน Mi 6:
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835 บนเทคโนโลยีการประมวลผลระดับ 10 นาโนเมตร (Octa-core, ความเร็วสูงสุด 2.45GHz.)
- แบตเตอรี่ความจุ 3350mAh ใช้งานต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน
- กล้องหลังคู่ เลนส์มุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ทางไกลความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- ตัวเครื่องกระจกขอบโค้ง 3 มิติ ทั้ง 4 ด้าน กรอบสแตนเลสสตีลให้ความเงางาม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5.15 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD ลดแสงสะท้อน
- ลำโพงคู่ให้เสียงในระบบสเตอริโอ
- แรม LPDDR4x ขนาด 6GB และหน่วยความจำ 64GB หรือ 128GB
- ป้องกันละอองและหยดน้ำ
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหน้าของตัวเครื่องแบบฝังใต้กระจกหน้าจอ
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (6GB+64GB) และสีน้ำเงิน (6GB+128GB)
- ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ 13,790 บาท
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่สำคัญของสมาร์ทโฟน Redmi Note 4:
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 เทคโนโลยีการประมวลผล FinFET ระดับ 14 นาโนเมตร (8 แกน ความเร็วสูงสุด 2.0GHz.)
- แบตเตอรี่ความจุ 4100mAh
- กล้องถ่ายรูปความละเอียดสูง 13 ล้านพิกเซล ระบบเซ็นเซอร์ CMOS และ ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ตัวเครื่องทำจากโลหะเกรดพรีเมียมและดีไซน์เส้นขอบอลูมิเนียมเงางาม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว, ระบบ 2 ซิมการ์ด (นาโนซิมและไมโครซิม)
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง LTE และเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยเสียงผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต (VoLTE)
- แรม 4GB + หน่วยความจำ 64GB
- เพิ่มหน่วยความจำได้สูงสุด 128GB ด้วย microSD
- ปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือ จากด้านหลังตัวเครื่อง
- พอร์ต อินฟราเรด
- มีให้เลือกมากถึง 3 สี ได้แก่ ดำ เทาเข้ม และทอง
- ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ 6,790 บาท
เกี่ยวกับเสี่ยวมี่
เสี่ยวมี่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 โดยนักประกอบการเหลย จุน บนพื้นฐานวิสัยทัศน์ในการสร้างที่ว่า “นวัตกรรมสำหรับทุกคน” จากความเชื่อมั่นว่าทุกคนควรสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ที่สร้างสรรค์จากเทคโนโลยีล้ำสมัยได้ เสี่ยวมี่จึงมุ่งมั่นพัฒนาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการทางอินเทอร์เน็ตที่โดดเด่นเพื่อมี่แฟน (Mi fans) โดยได้รวมความคิดเห็นจากมี่แฟนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ สมาร์ทโฟนในตระกูล Mi และ Redmi รวมถึง Mi ทีวี และเซ็ตท็อปบ็อกซ์ Mi เราเตอร์ และผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Mi อีโคซิสเต็ม เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านอัจฉริยะ (smart home) ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสำหรับสวมใส่ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ปัจจุบันเสี่ยวมี่มีเครือข่ายในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาค อีกทั้งกำลังขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก
เกี่ยวกับวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย)
บริษัทวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด (เดิมชื่อบริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 ปัจจุบันเป็นบริษัทหนึ่งในเครือของวีเอสที อีซีเอสกรุ๊ป ประเทศฮ่องกง ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 35,000 ช่องทางกระจายอยู่ในประเทศจีน ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา และลาว
วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าด้านไอทีผ่านทางธุรกิจ 2 กลุ่มหลัก คือ ด้านระบบสำหรับองค์กรธุรกิจ และด้านช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าไอที ภายใต้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 40 แบรนด์ มีสำนักงานสาขาที่เมียนมาซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อเดือนเมษายน 2557 ในชื่อบริษัทอีซีเอส แวลลู เมียนมา เซอร์วิสเซส จำกัด และที่กัมพูชา เปิดดำเนินการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ในชื่อบริษัทอีซีเอส แวลลู ( กัมพูชา ) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านระบบสำหรับองค์กรธุรกิจโดยเฉพาะ