ห่างหายไปจากตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยมาเป็นเวลาถึง 2 ปี สำหรับแบรนด์ “แอลจี” สมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายที่ทำตลาดในไทยคือรุ่น G4
โดยที่ก่อนหน้านี้แอลจีเน้นบุกตลาดพรีเมี่ยมเป็นหลักในราคามากกว่า 20,000 บาท ทำให้ไลน์อัพสินค้าไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม รุ่นถูกที่สุด 8,900 บาท ซึ่งตลาดประเทศไทยจำเป็นต้องมีความหลากหลายเพราะกลุ่มคนใช้สมาร์ทโฟนระดับกลางยังมีอยู่มาก ทำให้แอลจีตัดสินใจชะงักการทำตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยไปก่อน
จนในปีนี้มองเห็นว่าประเทศไทย นอกจากมีโอกาสในการเติบโต ยังเป็นตลาดหลักในอาเซียน จึงกลับเข้าสู่สังเวียนสมาร์ทโฟนอีกครั้ง พร้อมกับปรับโครงสร้างองค์กรในหน่วยธุรกิจโทรศัพท์มือถือใหม่ วางขายให้ครบทุกเซ็กเมนต์ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่ม
การคัมแบ็กตลาดครั้งนี้ได้เริ่มจากสมาร์ทโฟนแฟล็กชิพรุ่น G6 ที่มีการเปิดตัวที่งาน MWC 2017 ไปเมื่อต้นปี สร้างกระแสด้วยสมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมี่ยม แล้วมีแผนนำรุ่นอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงไตรมาสที่ 4 รวมทั้งหมด 4 รุ่น
นิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ค่อนข้างดุเดือด แบรนด์จากประเทศจีนมีการบุกตลาดรุนแรงการกลับมาของแอลจีจะใช้จุดเด่นเรื่องแบรนด์ที่ยังคงแข็งแกร่งในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นใบเบิกทาง
โดยจัดงบการตลาด 15 ล้านบาท เพื่อทำโปรโมชั่น ซื้อสมาร์ทโฟน LG G6 ราคา 24,900 บาท แถมทีวี LED ขนาด 43 นิ้ว มูลค่า 13,900 บาท ที่เลือกแถมทีวีเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งของแอลจี มาดึงดูด เพื่อสร้างการรับรู้ได้เร็ว
เบื้องต้นมีการจำหน่ายแค่ช่องทางในศูนย์ของ AIS เป็นพันธมิตรรายแรกหลังจากที่กลับมาทำตลาด ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงกำลังพูดคุยกับพันธมิตรรายอื่นๆ ที่จะเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อนที่แอลจียังทำตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดสมาร์ทโฟนรวมที่ 1% แต่มีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มพรีเมี่ยมที่ 2-3% ในปี 2561 ตั้งเป้าว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มพรีเมี่ยม 5% และ 2% ในตลาดสมาร์ทโฟนรวม
มีการประเมินตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้มีมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท หรือมีจำนวน 16-17 ล้านเครื่อง เติบโต 3-4%