เซ็นทรัลเปิดให้บริการช้อปปิ้งออนไลน์ ในรูปแบบ “Central On Demand” ผ่านการพูดคุยสดกับพนักงานของห้าง ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์โดยลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลสินค้า สั่งซื้อสินค้าทั้งในและต่างประเทศ จองโรงแรม หรือจองโต๊ะร้านอาหาร จากเครือข่ายห้างเซ็นทรัลที่มี 8 แห่งใน 4 ประเทศทั่วโลก
บริการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะผลักดันให้ห้างเซ็นทรัลที่มีอยู่ 22 สาขาทั่วประเทศ ได้เคลื่อนตัวเองเข้าไปสู่โลกออนไลน์มากขึ้นโดยปัจจุบันสามารถให้บริการได้แล้ว 19 สาขา และจะเปิดให้ครบภายในปี 2560 นี้
เพื่อตอบโจทย์คำถามที่ “ทศ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เคยตั้งไว้ตั้งแต่ตอนต้นปี 2560 ว่า จะทำยังไงให้ออนไลน์และออฟไลน์เป็นหนึ่งเดียวกัน และทำอย่างไรถึงจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าผ่านมือถือได้ เพราะอีกไม่ช้าไม่นานคนไทยคงถือสมาร์ทโฟนกันหมด
ยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด อธิบายว่า Central On Demand เป็นช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ที่แตกต่างจากการขายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์
โดย Central On Demand เป็นความต้องการของลูกค้าที่ตั้งใจจะซื้อสินค้าอยู่แล้ว จึงใช้ไลน์ติดต่อกับพนักงานห้างที่ทำหน้าที่คอยให้บริการ เปรียบเสมือนเป็นเลขาส่วนตัวที่คอยดูแลการช้อปปิ้ง จองโต๊ะอาหาร หรือจองโรงแรม
ขณะที่การขายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์จะทำธุรกรรมผ่านเว็บจะต้องมีเมนูสินค้าหลากหลายรายการมาให้ลูกค้าได้ช้อปปิ้งและตัดสินใจเลือกซื้อ
“แนวคิดแบบ Central On Demand ทำให้การทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ ไม่มีรอยต่อ เพราะลูกค้าสามารถใช้ออนไลน์ผ่านแอป พูดคุยสดๆ ซักถามทุกข้อสงสัยกับพนักงานของห้างที่เราจัดไว้ได้ ตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด เป็นการส่งไม้ต่อระหว่างออนไลน์ไปออฟไลน์ เป็นการเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทางอย่างสมบูรณ์แบบ (omni channel) เราวางเป้าหมายอยากให้มีลูกค้าเข้ามาแอด 1 แสนราย ล่าสุดเราได้ลูกค้าเข้ามาแอดไลน์แล้ว 2.2 หมื่นคน” ยุวดี ระบุ
ในขณะที่เซ็นทรัลใช้ Central On Demand เอามาเป็นเครื่องมือในการปิดช่องว่างระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ให้แคบขึ้น สำหรับตลาดในประเทศ
ในตลาดต่างประเทศเซ็นทรัลก็ใช้แอป Aux Villes Du MondeOn Demand (โอ วิลส์ ดู มองต์ออน ดีมานด์) เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการของห้างเซ็นทรัลและเครือข่ายทั้งในอิตาลี เยอรมนี ออสเตรีย และเดนมาร์ก
วิธีการคือ ไม่ว่าลูกค้าจะส่วนไหนของโลกและไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศที่มีเครือข่ายของห้างเซ็นทรัลตั้งอยู่ ทั้งคนไทยและคนต่างชาติสามารถสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลสินค้าที่ต้องการและคุยสดกับพนักงานของห้างได้โดยแอดหมายเลขวอทแอปของห้างที่ต้องการเช่น +39 344 008 1600 เป็นบริการ On Demand ของห้างลารินาเซนเต้ ในอิตาลี จากนั้นจึงเลือกชำระเงินที่มีหลากหลายช่องทาง แล้วรอรับสินค้าที่บ้าน หรือเลือกรับสินค้าในห้างที่สั่งซื้อ
นอกจากนี้ห้างเซ็นทรัลยังฝังตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ AuxVillesDuMonde.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ กิน ดื่ม เที่ยว สำหรับกลุ่มเป้าหมายระดับบน นำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยว แฟชั่น และอาหาร ใน 8 เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างในกลุ่มเซ็นทรัลและพันธมิตรด้วยรูปแบบนิตยสารดิจิทัล 8 ภาษา และมี E-newsletter สำหรับสมาชิกเดือนละ 2 ครั้งและภายใน 3 ปีจากนี้ (พ.ศ.2560-2563) เซ็นทรัลได้เตรียมงบลงทุนในต่างประเทศอีก 8 พันล้านบาท
ที่ผ่านมาเซ็นทรัลพยายามเอาจริงเอาจังกับธุรกิจออนไลน์ ทั้งการเข้าซื้อกิจการอีคอมเมิร์ซ “ซาโลรา” และเปลี่ยนชื่อมาเป็น “ลุคซี่” (Looksi) โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ธุรกิจออนไลน์จะสามารถสร้างรายได้ให้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท และเติบโตเป็นเท่าตัวภายใน 3 ปี
เมื่อต้นปีมานี้เซ็นทรัลเพิ่งประกาศแนวทางการทำงานแบบ “เซ็นทรัลลิตี้” คือการวางจุดยืนของห้างว่าเป็นศูนย์กลางของเมือง และศูนย์รวมของชีวิต โดยปักหมุดเริ่มต้นที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม และขยายตัวไปยังเมืองต่างๆ ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและสังคมของโลก ขณะที่สาขาในไทยเองปัจจุบันเซ็นทรัลสามารถเปิดตัวครอบคลุมในหัวเมืองหลักๆ และเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ.