“โนเกียทัช” ท้าดวลด้วย “เพลง”

“ไอโฟนฟีเวอร์” ส่งแรงกระเพื่อมมายังโทรศัพท์มือถือแบรนด์ต่างๆ ให้เร่งเปิดตัว “ทัชสกรีน” มากขึ้นไม่เว้นแม้แต่ “โนเกีย” เบอร์ 1 ของโลก ที่พยายามเลี่ยงพูดถึงทัชสกรีนมาตลอด ในที่สุดเดือนกุมภาพันธ์ 2009 ก็พร้อมส่ง “ทัชสกรีน” ลงสนามเพื่อชนกับไอโฟน 3 จี โดยเฉพาะ ด้วยกลยุทธ์เลือกลูกค้ากลุ่มแรกเป็นเซ็กเมนต์ Music Phone กับ “โนเกีย5800 XpressMusic”

“การขายทัชสกรีนรุ่นแรกที่เป็น Music Phone จะทำให้โนเกียเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหญ่มากที่สุดของตลาด และเร็วที่สุดได้ เพราะครึ่งหนึ่งของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือชอบฟังเพลง และ 5800 ขายเครื่องละ 13,000 บาท ถูกกว่าไอโฟนเกือบครึ่งหนึ่ง กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จึงตัดสินใจซื้อได้ง่าย”

“นนทวัน สินธวานนท์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์และบริการ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) บอกด้วยว่าโนเกียเคยเปิดตัวโนเกียทัชโฟนรุ่นแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว คือรุ่น 3300 แล้วหยุดไป และหันกลับมาเน้นทำตลาดมือถือหลายรุ่นเพื่อตอบสนองทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยปี 2005 โนเกียเปิดตัว Sub brand คือ XpressMusic และในปี 2008 รุ่นที่ขายดีที่สุดในกลุ่ม Music Phone คือโนเกีย 5310 เพราะความบางของตัวเครื่อง เพราะฉะนั้นการเปิดตัวทัชสกรีนที่กลุ่ม XpressMusic จึงลงตัวที่สุด ก่อนที่จะวางจำหน่ายรุ่นไฮเอนด์ N 97 ทัชสกรีนก่อนกลางปี 2009

สำหรับวิธีการแถลงข่าวเปิดตัวนั้นโนเกียเลือกใช้ Workshop ให้ทดสอบเครื่องเรียนรู้คุณสมบัติ Touch และ Feature ของเครื่อง และลูกเล่นการส่งไฟล์ต่อภายในกลุ่ม พร้อมคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ของโนเกียประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นรูปแบบเดียวกับการเปิดตัวโนเกียรุ่นก่อนๆ ซึ่ง “นนทวัน” บอกว่าได้ผลในการสื่อสารมากกว่าการให้ผู้บริหารมาอธิบายคุณสมบัติทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดเวิร์คช็อปให้กับกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย

แม้คุณสมบัติและดีไซน์ของ 5800 จะไม่ทำให้กลุ่มสื่อมวลชนที่ทดสอบรู้สึก “ว้าว!” มากนัก เพราะ “ทัชสกรีน” เป็นคุณสมบัติที่คุ้นเคยกันดีแล้ว แม้จะเห็นชัดว่าพยายามส่ง 5800 มาชนกับไอโฟน แต่เพราะหน้าจอที่เล็กกว่า และลูกเล่นการย่อขยายจอน้อยกว่า ทำให้ 5800 อาจเป็นเพียงแค่การทดสอบตลาดของโนเกียก่อนวางขาย N97 ที่ลูกเล่นครบถ้วน เจาะกลุ่มไฮเอนด์กว่า

แต่ถึงอย่างไรโนเกียก็ยังหวังยอดขาย เพื่อไม่ให้ลูกค้ากลุ่มหนึ่งไหลออกไปยังไอโฟน และแบรนด์แรงอย่างซัมซุง และแอลจี ที่พยายามใส่คุณสมบัติให้มากเท่า แต่ราคาถูกกว่า งานนี้จึงยังต้องลุ้นว่า “โนเกีย” จะสตาร์ทติดแข่งไอโฟนและสปีดยอดขายกับทัชสกรีนได้หรือไม่

โนเกีย 5800
Product –โนเกีย XpressMusic 5800
Positioning –Music Phone
Customer Target – Tech Stylish+Trend Setter
Marketing Strategy – รุกตลาดด้วยรุ่นมิวสิกโฟน
Price– 13,000 บาท
Launch– Global ตุลาคม 2008
จำหน่ายในไทย กุมภาพันธ์ 2009

ไอโฟน
Product -ไอโฟน 3 จี
Positioning -Multimedia Phone
Customer Target -สาวกแอปเปิล และ Trend Setter
Marketing Strategy -ทำตลาดเน้นความเป็นมือถือ All in one
Price-ประมาณ 17,000-20,000 บาท
Launch -Global 11 กรกฎาคม 2008
จำหน่ายในไทย -ยังไม่กำหนด

** ไอโฟนคาดว่ากลยุทธ์ตลาดทำแคมเปญร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ราคาเครื่องถูกลง โดยเฉพาะในรุ่น 3จี จะทำให้ไอโฟนทำยอดขายรวมได้ 40-45 ล้านเครื่องในปี 2009 จากปี 2008 มียอดขายประมาณ 10 ล้านเครื่อง

Did you know?
กลุ่มที่นิยมใช้มือถือแบบแฟชั่นโฟน เทคโนโลยี และมิวสิกโฟนที่อยู่ในกรุงเทพฯ นิยมเปลี่ยนเครื่องภายใน 6-8 เดือน ส่วนกลุ่มที่ใช้มือถือแบบธรรมดา (เน้นโทรเข้าออก) ใช้เครื่องหนึ่งนาน 20-25 เดือน

ยอดขายโทรศัพท์มือถือทั่วโลก ณ ไตรมาส 3/2008
โนเกีย 117.97 ล้านเครื่อง 38.2%
ซัมซุง 52.89 ล้านเครื่อง 17.1%
โซนี่ อิริคสัน 24.84 ล้านเครื่อง 8.1%
โมโตโรล่า 24.63 ล้านเครื่อง 8%
แอลจี 24.06 ล้านเครื่อง 7.8%
อื่น ๆ 64.11 ล้านเครื่อง 20.8%

ที่มา : การ์ทเนอร์