ใครไม่เคยได้ยิน เพลงโฆษณา “แลคตาซอย 5 บาท” ยกมือขึ้น!! งานนี้ท่าทางจะหาคนยกมือได้ยากเย็นเพราะในยุคสมัยนั้นเพลงโฆษณาชิ้นนี้กระหึ่มตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอยลูกเล็กเด็กแดงใครที่ร้องตามและเต้นเลียนแบบเพลงนี้ไม่ได้ถือว่าเชยสะบัด
“แลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร ปริมาณคับกล่องเต็มที่…ดื่มได้ดื่มดี ดื่มแลคตาซอย 5 บาท” แค่เห็นเนื้อร้อง ทำนองก็ตึ่งโปะดังสนุกในหัวแล้ว
หนังโฆษณาแลคตาซอย 5 บาท มาสร้างสีสันจังหวะใหม่ให้กับนมถั่วเหลืองกล่องจิ๋ว ขนาด 125 มิลลิลิตร เป็นเซ็กเมนต์คุณหนูที่บริษัท แลคตาซอย จำกัด ตั้งใจจะขายในราคา 5 บาท เอามาเสริมทีม จากคอลเลกชั่นราคา 10 บาท ขนาด 300 มิลลิลิตร และราคา 15 บาท ขนาด 500 มิลลิลิตร
ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าแลคตาซอยจะขายดีที่สุดในขนาดราคา 10 บาท แต่ต้องยอมรับว่าคนรู้จักและจดจำแบรนด์ได้ติดหนึบจากเพลงโฆษณา แลคตาซอย 5 บาทนี่เอง
ที่มาของเพลงโฆษณาชุดนี้เรียบง่ายและตรงไปตรงมาจากโจทย์การตลาดที่เคาะกันในบนโต๊ะประชุมว่าบริษัทอยากขายสินค้าในราคาเพียง 5 บาท จากที่วางขายกันท้องตลาดราคา 6-7 บาท ขนาดปริมาณเท่ากัน ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคได้รับรู้ว่า แลคตาซอยจะขายแค่ 5 บาท แต่บรรจุเต็มกล่องนะ ก็หนีไม่พ้นต้องโฆษณา
“ทำยังไงดีถึงจะทำโฆษณาออกมาได้ ก็นั่งคุยกันว่าแลคตาซอย 5 บาท บรรจุ 125 มิลลิลิตร แล้วมันเต็มกล่อง เหมือนได้เนื้อหาเพลงมาเลย แล้วเราก็ส่งให้บริษัทโฆษณาไปทำต่อ โจทย์ของเราคือ เราเบื่อโฆษณาเด็กแข็งแรง กินแล้วมีโปรตีน เราคิดว่ามันน่าเบื่อ ไม่อยากพูดตรงนั้นอีกแล้ว เราอยากหาอะไรทำที่มันแปลกออกไป และก็อยากทำโฆษณาที่มีคอนเซ็ปต์ของสินค้าทั้งหมด ถ้าดูจากเนื้อหาโฆษณาแล้วจะเห็นได้ว่ามันครอบคลุมเนื้อหาที่เราต้องการหมดทุกคำ ถ่ายทอดออกมาเป็นเพลงความยาว 15 วินาที แล้วไม่ต้องมาเล่าว่า กินแล้วแข็งแรง กินแล้วลูกจะน่ารัก แบบนี้ไม่เอา สรุปทำออกมาเป็นเพลงตามโจทย์ที่เราอยากได้ โดยที่บริษัทโฆษณาแทบไม่ต้องทำอะไรมาก” ผู้บริหารแลคตาซอย กล่าว
หนังโฆษณาชุดนี้ออกอากาศในปี 2548 นับมาถึงตอนนี้ก็ครบรอบ 12 ขวบปีพอดี ที่ผ่านมามีเด็กจำนวนไม่น้อยที่โตมาด้วยกันกับแลคตาซอย 5 บาท เด็กดื่มได้ดื่มดี แลคตาซอยก็เลยโตได้โตดี มีซีรีส์หนังโฆษณาทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 เรื่อง ตลอดระยะเวลา 12 ปีนี้
โดยบริษัทยึดเอาแม่แบบความสำเร็จจากหนังโฆษณาชุดแรกเอามาปรับแต่งตามยุคสมัยแต่ยังคลุมคอนเซ็ปต์เหมือนเดิมคือเน้นที่ราคา และปริมาณเต็มกล่อง
“Advertising Message ในหนังโฆษณาเรื่องนี้มีการดึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ คือ ราคาถูกเหมาะกับเด็ก และปริมาณนมเต็มกล่อง มาสื่อสารและถ่ายทอดผ่านการใช้เพลงและท่าเต้น การใช้เด็กๆ มาเต้นประกอบเพลงช่วยให้จดจำได้ง่าย ทั้งมีการออกสื่อโฆษณาด้วยความถี่สูงจึงทำให้กลายเป็นท่าฮิตและคำฮิตติดหูในที่สุด” ผศ.เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าว
จุดยืนทางการตลาดของแลคตาซอยคือปริมาณเต็มอิ่มในราคาประหยัดโดยเฉพาะกับขนาด 10 บาท ที่ขายได้มากกว่า 70% ของจำนวนการผลิตกว่า 600 ล้านกล่องต่อปี การเปิดตัวขนาด 5 บาทเป็นการตอกย้ำความอิ่มในปริมาณเต็มกล่อง สนนราคาซูเปอร์เซฟ พกพาง่าย เด็กเล็กดื่มหมดไม่เสียของ ทำให้แลคตาซอยกลายเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดนมถั่วเหลืองประเภทกล่องยูเอชที ขณะที่แบบบรรจุขวดใส ไวตามิ้ลค์ยังคงเป็นเทพอยู่
ผศ.เสริมยศ บอกว่า โฆษณาที่ดีไม่จำเป็นต้องลงทุนมาก แค่สื่อสารด้วยเนื้อหาและเรื่องราวง่ายๆ แต่ตรงประเด็นก็เพียงพอแล้ว ความสำเร็จของโฆษณาชุดนี้มาจากกลยุทธ์ทางการตลาดกับเนื้อหาที่ง่ายต่อการเข้าใจ ดื่มง่าย ขายคล่อง บวกร้องเต้นอย่างสนุกสนาน
ปีที่แล้วแลคตาซอยเพิ่งได้รางวัลแบรนด์นมถั่วเหลืองยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย (No.1 Brand Thailand Awards 2015-2016) จากการสำรวจของบริษัท วิดีโอ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) โฆษณาในตำนาน 5 บาทชิ้นนี้ จึงเป็นอีกเมล็ดพันธุ์ที่ทำให้นมถั่วเหลืองแลคตาซอย สามารถผลักดันตัวเองขึ้นไปเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1
เป็นอีกข้อคิดดีๆ ว่า อย่ามองข้ามสินค้าราคาเล็กๆ เพราะถึงจุดๆ หนึ่งอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
ต้นตระกูลของแลคตาซอยเริ่มขึ้นในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2493 หลังจากห้างหุ้นส่วน เกี่ยงฮั้ว จำกัด โดย วิริยะ จิรพัฒนกุล ผู้ก่อตั้ง ได้ผลิตน้ำอัดลมรสส้มและกลิ่นสละ ยี่ห้อ แฮปปี้ กับ ดับเบิลแฮปปี้ ส่งขายในค่ายทหารญี่ปุ่นและตลาดเยาวราช พอกิจการเริ่มไปได้ดี ก็ซื้อลิขสิทธิ์น้ำอัดลมยี่ห้อคิกคาปู้ จากแคนาดา น้ำอัดลมยี่ห้อคิงคิสและยี่ห้อคอสโค จากสหรัฐอเมริกา มาผลิตขายในประเทศ
พอเข้าสู่ปี 2524 ก็เบนเข็มมาผลิตนมถั่วเหลืองบรรจุกล่องยูเอชทีแทน ภายใต้ชื่อ แลคตาซอย ที่รู้จักกันดีตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยในเวลาต่อมา ปัจจุบัน บริษัท แลคตาซอย จำกัด สามารถผลิตนมถั่วเหลืองป้อนตลาดปีละกว่า 600 ล้านกล่อง และกำลังขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
ภายใต้นโยบายการผลิตนมถั่วเหลืองที่มีคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงจริงใจต่อลูกค้าและผู้บริโภคร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายและลูกค้าเสมือนครอบครัวเดียวกัน