ถ้าพูดถึงวันที่ชาวจีนจะออกท่องเที่ยวกันแล้ว วันชาติจีน 1 ตุลาคมของทุกปี ซึงจะหยุดยาว 7 วัน ถือเป็น Golden Week ของชาวจีน ทำให้ชาวจีนจำนวนมากเดินทางท่องที่ยวและใช้จ่ายทั่วโลก
จากสถิติของอาลีเพย์ (Alipay) พบว่าการใช้จ่ายช่วงวันหยุด Golden week ชาวจีนมีการทำธุรกรรมหรือใช้จ่ายในร้านค้าต่างประเทศ ผ่านอาลีเพย์เพิ่มขึ้นถึง 700% หรือประมาณ 8 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการใช้จ่ายดังกล่าวเกิดขึ้นใน 10 ประเทศ ของ “เอเชีย” มากที่สุด และมีอัตราการใช้จ่ายเติบโตเร็วสุดด้วย
สำหรับประเทศที่ชาวจีนแห่ไปใช้จ่ายมากสุดได้แก่ฮ่องกง ตามด้วยไทย ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเก๊า มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
เมื่อมาดูยอดการใช้จ่ายเป็นรายประเทศ สิงคโปร์มีการทำธุรกรรม ใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์เพิ่มขึ้นถึง 30 เท่า ออสเตรเลียเพื่มขึ้น 20 เท่า ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 16 เท่า ฮ่องกง และไต้หวันเพิ่มขึ้น 13 เท่า นิวซีแลนด์และ “ประเทศไทย” เพิ่มขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
ส่วน “การใช้จ่ายต่อคน” โดยรวมเพิ่มขึ้น 50% เป็น 1,301 หยวน
ที่น่าสนใจ คือ ยอดใช้จ่ายต่อคนของชาวจีนผ่านอาลีเพย์ในภูมิภาค “ยุโรป” สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก เพราะตัวเลขอยู่ที่ 3,150 หยวน โดยประเทศ “สวิตเซอร์แลนด์” นำโด่ง เพราะชาวจีนใช้จ่ายต่อคนสูงปรี๊ด 36,298 หยวน หรือ 5,506 ดอลลาร์สหรัฐ เรียกว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของยุโรปและประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ถึง 10 เท่า!
ส่วนสหรัฐฯ และแคนาดาใช้จ่ายที่ 1,648 หยวน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 1,415 หยวน ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1,301 หยวน เช่นกัน
ในภูมิภาคอาเซียนชาวจีนใช้จ่ายในประเทศไทย 1,519 หยวน เพิ่มขึ้น 2.4 เท่า เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สิงคโปร์ 1,376 หยวน เพิ่มขึ้น 3.4 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเล็กน้อย ขณะที่มาเลเซีย ใช้จ่าย 940 หยวน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ส่วนประเภทของร้านค้าที่ชาวจีนแห่ใช้บริการนั้นมีก็ความหลากหลายอย่างมาก ตั้งแต่ร้านค้าปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรี ไปจนถึงร้านสะดวกซื้อและร้านกาแฟ
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของชาวจีนผ่านอาลีเพย์ดังกล่าว ครอบคลุมการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้า ตั๋วเครื่องบิน ห้องพักโรงแรม ร้านอาหาร และตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวด้วย
และในช่วง Golden Week ชาวจีนยังได้ใช้อี-คูปองกว่า 1.2 ล้านใบในอาลีเพย์
ที่น่าสนใจอีกประการ คือ สัดส่วนประชากรที่ใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์มากสุดคือผู้ที่เกิดในช่วงพ.ศ. 2523-2533 หรือเจนเนอเรชั่น Y คิดเป็นสัดส่วน 84%