ตามที่จะมีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สำนักพระราชวัง จึงได้ออกหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง 25-29 ตุลาคม พุทธศักราช 2560 ดังต่อไปนี้
วันที่ 25 ตุลาคม 2560 พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ข้างพระที่นั่งราชกรัณยสภา เสด็จขึ้นทางบันไดมุขกระสันพระทีั่่นั่งพิมานรัตยา เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านพระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าฯ ไปยังที่ประดิษฐานพระบรมศพ ทรงจุดเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกงานออกพระเมรุ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แต่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จพระราชาคณะ และสมเด็จพระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา จำนวน 31 รูป แล้วทรงยืนประเคนพัดรองที่ระลึกฯ แด่พระสงฆ์สวดศราทธพรต 30 รูป บรรพชิตจีน และญวน 20 รูป ซึ่งจะเดินเข้ามารับจนหมด
การแต่งกาย เต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายมงกุฎไทย
วันที่ 26 ตุลาคม 2560 พระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ เวลา 07.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำชนมวาร ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลื้องพระโกศทองใหญ่เชิญพระลองลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จตามไปส่งที่ชาลาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขเหนือ จากนั้นเจ้าพนักงานอัญเชิญพระโกศทองใหญ่ประดิษฐานบนพระยานมาศสามลำคานออกจากพระบรมมหาราชวัง แล้วยาตราริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วที่ 1 ไปยังพระมหาพิชัยราชรถ ซึ่งจอดรออยู่ที่หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โดยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมพระดำเนินในริ้วขบวนด้วย
เมื่อริ้วขบวนที่ 1 ถึงหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จไปยังพลับพลายกหน้าวัดพระเชตุพนฯ ทรงทอดผ้าไตร 20 ไตร จากนั้นอัญเชิญพระบรมโกศโดยเกรินบันไดนาค ขึ้นประดิษฐานยังพระมหาพิชัยราชรถ แล้วจึงยาตราขบวนแห่อัญเชิญพระบรมโกศไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จตามริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เมื่อขบวนพระบรมราชอิสริยศอัญเชิญพระบรมโกศเข้าสู่ท้องสนามหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปประทับรอที่พลับพลายก นอกราชวัติพระเมรุมาศ กองทหารเกียรติยศอัญเชิญพระบรมโกศโดยเกรินบันไดนาค ประดิษฐานพระบรมโกศบนราชรถปืนใหญ่ เพื่อตั้งริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ สำหรับเวียนพระเมรุมาศ โดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย 3 รอบ) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จตามพระบรมโกศเวียนพระเมรุมาศครบ 3 รอบแล้ว สมเด็จพระเจ้อยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จไปประทับรอที่พระที่นั่งทรงธรรม เทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศ อัญเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธาน ปิดฉากพระวิสูตรเป็นอันเสร็จพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศประดิษฐานบนพระเมรุมาศ
เวลา 16.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมายังพระที่นั่งทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมศพทรงธรรมที่พระเมรุมาศ สมเด็จพระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนาจบแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับที่มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ผู้แทนจิตอาสาเชิญดอกไม้จันทน์ 9 พานผ่านพระที่นั่งทรงธรรม ถวายความเคารพแล้วเดินออกจากมณฑลพิธี
เวลา 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ และปี่พาทย์ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพยิงปืนเล็กยาวถวายพระเกียรติ 9 นัด ทหารปืนใหญ่ยิงปืนถวายพระเกียรติ 21 นัด จากนั้นพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะบุคคลต่างๆ ขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตามลำดับ
เวลา 20.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมายังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จขึ้นพระเมรุมาศ ปิดพระฉากปิดพระวิสูตร เพื่อเตรียมการถวายพระเพลิงพระบรมศพ
เวลา 22.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวานอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เจ้าพนักงานปฏิบัติการถวายพระเพลิงพระบรมศพ เสร็จแล้วทรงทอดผ้าไตร ที่พระจิตกาธาน พระสงฆ์ 10 รูป สดับปกรณ์ เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
เครื่องแต่งกาย เต็มยศ ไว้ทุกข์สายสะพายมหาจักรี หรือช้างเผือก
วันที่ 27 ตุลาคม 2560 พระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมายังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จขึ้นพระเมรุมาศ ทรงเก็บพระบรมอัฐิ แล้วประมวลลงในพระโกศทองคำลงยารวม 6 พระโกศ พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ เจ้าพนักงานภูษามาลา อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า เพื่อมาตั้งริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ อัญเชิญพระบรมโกศพระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร เข้าไปยังพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งราเชนทรยาน และอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จตามริ้วขบวน ยาตราริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ อัญเชิญพระบรมโกศพระบรมอิฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร ขบวนพระบรมราชสรีรางคารจะแยกเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่ออัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารไปพักไว้ที่พระศรีรัตนเจดีย์
ส่วนขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระบรมโกศพระบรมอัฐิเทียบที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระบรมโกศพระบรมอัฐิ จากพระที่นั่งราเชนทรยาน ขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประดิษฐานที่บุษบกแว่นฟ้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จตาม เมื่อประดิษฐานพระบรมโกศพระบรมอัฐิเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมอัฐิ แล้วเสด็จกลับ
เครื่องแต่งกาย เต็มยศไว้ทุกข์ สายสะพายจุลจอมเกล้า
วันที่ 28 ตุลาคม 2560 พระราชกุศลพระบรมอัฐิ เวลา 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิพระบรมราชบุพการี ที่ประดิษฐานบนพระแท่นมหาเศวตฉัตร และทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นแว่นฟ้า แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารสมเด็จพระบรมราชบุพการี และพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกแด่พระสงฆ์ ทรงกราบพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนนาถบพิตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้า เสด็จออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ลงทางบันไดมุขด้านทิศเหนือ ตำรวจหลวงนำเสด็จไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูกำแพงแก้ว เสด็จพระราชดำเนินกลับ
เครื่องแต่งกาย เต็มยศไว้ทุกข์ สายสะพายมหาจักรี หรือช้างเผือก
วันที่ 29 ตุลาคม 2560 เวลา 10.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อทรงประเคนสำหรับภัตตาหารแด่สมเด็จพระราชาคณะ ผู้เป็นประธานสงฆ์ แล้วประทับราชอาสน์ ณ ที่นั้น ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์ทรงประเคนด้วย และเมื่อพระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับพระราชอาสน์ที่เดิม
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เพื่อทรงร่วมขบวนแห่พระโกศพระบรมอัฐิออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปยังหน้าพระวิมาน ซึ่งอยู่บนชั้น 3 ของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
จากนั้น เวลา 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรีเทียบรถยนต์พระที่นั่งที่ศาลาสหทัยสมาคม เสด็จเข้าศาลาสหทัยสมาคม ประทับพระราชอาสน์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร ออกจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ออกจากศาลาสหทัยสมาคมไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง ซึ่งตั้งขบวนเตรียมไว้ เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร ไปถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ณ รถยนต์พระที่นั่ง ทรงเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร ไปบรรจุในถ้ำศิลาใต้ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และในถ้ำศิลา ใต้ฐานบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร
เครื่องแต่งกาย เต็มยศไว้ทุกข์จุลจอมเกล้า
ที่มา : mgronline.com/celebonline/detail/9600000108354