ภาพจาก : facebook.com/eveandboy
เชื่อว่าถ้า “ผู้บริโภค” หรือใครที่ได้เห็นป้าย Sale 90% จะรู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดขาช้อปมหาศาลอยู่เสมอ และกระแสร้อนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คงต้องยกให้ร้านจำหน่ายเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ “อีฟแอนด์บอย : EVEANDBOY” แดนสวรรค์ของสาวกคอสเมติกผู้รักสวยรักงาม คลั่งไคล้แบรนด์ดังระดับบนไปจนถึงระดับแมส
ทว่า หลังจากที่ร้านติดป้ายโปรโมชั่นลดกระหน่ำบนโลกออนไลน์ หน้าเพจ Eveandboy facebook “EVEANDBOY Shocking Pink Day” เซลล์ยิ่งใหญ่ประจำปีมีหนเดียวที่จะระดมสินค้าเครื่องสำอาง น้ำหอมมาลดสะบั้นหั่นแหลกให้ช้อปกันกระเป๋าฉีก ซึ่งในแฟนเพจแห่งนี้มีสมาชิกติดตามกว่า 1.2 ล้านราย
โปรแรง! ขนาดนี้ “ผู้บริโภค” จึงไปรอเข้าคิวกันข้ามคืน เพื่อซื้อสินค้า พลันที่เปิดให้บริการช้อปไม่เท่าไหร่ “ดราม่า” บังเกิดมากมายตามมา ทั้งสินค้ามีน้อย หมดเร็ว การให้อภิสิทธิ์บล็อกเกอร์ไปช้อปก่อน บรรดาแม่ค้าโซเชียลที่ยังประกาศรับหิ้วสินค้า ขายสินค้า สารพัด
ร้านเลยโดน “กระหน่ำ” กลับบ้างจากลูกค้า ซึ่งล้วนเป็น “แง่ลบ” จำนวนมาก แต่แม้จะโดนด่าบนหน้าเพจยังไง แบรนด์ก็ไม่สน เดินหน้าขายของ โปรโมตเซลล์ครั้งใหญ่ต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้านอีฟแอนด์บอย ลดราคาแรงจนมีคนเข้าคิวยาวเป็นหางว่าว ที่ผ่านมาหากผู้ที่เดินผ่านแถวสยามสแควร์อาจเคยถูกวินมอ ’ไซค์ทักช่วงที่มีการลดราคาของร้านนี้ว่า “ไม่ไปเข้าคิวซื้อบ้างเหรอ?” ต่อด้วยคำบอกเล่าว่าเหล่านักศึกษามหาลัยมาเข้าคิวรอซื้อสินค้าที่นี่กันเป็นจำนวนมาก เพราะราคาถูก และส่วนหนึ่งเพราะคนรุ่นใหม่เหล่านี้มีร้านค้าบนโลกออนไลน์ หากได้สินค้าราคาต่ำไปจำนวนมาก ก็สามารถนำไปค้าฟันกำไรต่อได้อีกทอด
สำหรับร้านอีฟแอนด์บอย เป็นที่รู้กันในวงกว้างว่าต้นกำเนิดธุรกิจมาจาก “ภูธร” จังหวัดมหาสารคาม และแจ้งเกิดเต็มรูปแบบที่สาขา “สยามสแควร์” สามารถสร้างความสำเร็จในรูปแบบ “ป่าล้อมเมือง”
ความน่าสนใจของร้านคอสเมติกมัลติแบรนด์แห่งนี้คือใช้ “กลยุทธ์” ทำราคาสินค้าได้ “ต่ำ” จากการคิดกำไรเพียง 15% ต่ำกว่าบิ๊กเนมที่คิดกัน 30% สินค้ายังมีความหลากหลายหลักพันแบรนด์ (สาขาสยามสแควร์และเป็นแฟลกชิพสโตร์) มีจำนวนสินค้าหลักหมื่นรายการ ร้านตั้งอยู่บน “ทำเลทอง” ใจกลางสยามสแควร์ย่านที่มีประชากรช้อปปิ้งหนาแน่น และกำลังซื้อสูง และโปรโมชั่นแรง
อย่างไรก็ตาม อีฟแอนด์บอย มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท และ “หิรัญ ตันมิตร” เป็นเจ้าของและกรรมการผู้จัดการบริษัท ดำเนินธุรกิจมากว่า 1 ทศวรรษ ในปี 2559 นำส่งงบการเงินยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุเพียง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ 592,411.58 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังเป็นรายจ่ายรวมและผลการดำเนินงานที่ขาดทุนด้วย ขณะที่การประกาศลงทุนเปิดสาขาของบริษัทที่ผ่านมาเป็นตัวเลขหลักร้อยล้านบาท!.