ซีรี่ส์ “อินเดีย” บนจอทีวีดิจิทัล กำลังมาแรง และเวลานี้ต้องยกให้กับช่อง 8 อาร์เอส ที่ปักธงสร้างเรตติ้งจากหนังอินเดียได้ก่อนใคร แต่เกมธุรกิจบันเทิงในการชิงผู้ชมจะไม่สนุกถ้าไม่มีคู่แข่งมาร่วมสนาม และขณะนี้ช่อง 8 ก็มีเบอร์ใหญ่อย่างช่อง 3 ส่ง “นาคิน” มาสู้แล้ว
“อาร์เอส” ประสบความสำเร็จแบบเซอร์ไพรส์จากเรื่อง “สีดาราม ศึกรักมหาลงกา” ที่ออนแอร์ตั้งแต่ ม.ค. – ส.ค.2560 โดยออนแอร์ได้เพียงสองเดือนเรตติ้งก็มา ทะลุไป 1 กว่าเกือบ 2 จน ”เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ซีอีโอ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) สั่งเพิ่มเวลาออนแอร์ จาก 1 ชั่วโมงเป็น 1 ชั่วโมงครึ่ง ลากยอดชมยาว ๆ ไป จนพีคสุดในเดือน มิ.ย. ที่บางวันเรตติ้งทะลุไปถึง 4.2
พอเรื่องต่อมา คือ หนุมาน สงครามมหาเทพ ที่กำลังออนแอร์อยู่ ก็ลากเวลาออนแอร์นานขึ้น และข้ามช่วงเวลาจากเย็นไปจนถึงค่ำ ถึงเวลาไพรม์ไทม์หลังสองทุ่ม จนเฉลี่ยเรตติ้งทะลุ 2-3 ได้อีก
อย่างเช่นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2560 “หนุมาน สงครามมหาเทพ” ได้เรตติ้งเฉลี่ยออนแอร์ทั้งสองช่วง อยู่ที่ 2.94 หากแยกเป็นช่วงแรก คือเวลา 18.50-19.55 น. ทำเรตติ้งได้ 2.84 ช่วงที่สองเวลา 20.07-21.17 น.ได้เรตติ้งไป 3.02 ได้เรตติ้งเหนือละครช่อง 3 อีกครั้ง ทั้งที่เป็นละครล็อตใหม่ และออนแอร์วันแรกอย่างเรื่อง “สายธารหัวใจ” ได้เรตติ้ง 2.75
ขณะที่การมาวันแรกของ “นาคิน” ที่ช่อง 33 หรือ 3 HD ที่ผู้บริหารเลือกปักลงผัง เวลา 18.19-19.00 น.ได้เรตติ้งไป 2.11 ถ้าวัดกับเฉพาะตัวเลข ก็จัดว่าแพ้ช่อง หนุมานฯ ของอาร์เอสชัดเจน
จริง ๆ แล้วอาร์เอสไม่ใช่เจ้าแรกที่นำซีรีส์อินเดียบุกฐานผู้ชมทีวีดิจิทัล ก่อนหน้านี้ เวิร์คพอยท์ทีวี นำเรื่อง “พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก” มาฉาย เมื่อปี 2558 โดยมีการจัดทำเพลงประกอบ คำร้อง โดย “ประภาส ชลศรานนท์” ผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหารของเวิร์คพอยท์ด้วย ที่ในยูทูปปัจจุบันคนดูเอ็มวีนี้แล้วกว่า 8 ล้านครั้ง แต่เวิร์คพอยท์เลือกใช้บริการซีรีส์อินเดียเพียงเรื่องเดียว และเดินแนวถนัดของตัวเองในการผลิตรายการต่าง ๆ ด้วยตัวเองมากกว่า
จากนั้นก็มีทรูโฟร์ยู นำเรื่องพระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก ไปฉายอีกในปี 2559 ขณะที่กลุ่มช่อง 3 นอกจากมี “นาคิน” แล้ว ยังมีอโศกมหาราช ที่บรรจุในผังช่วงเย็น ทางช่อง 13 แฟมิลี่ด้วย
ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดิจิทัลทีวี กล่าวว่า คนดูตอบรับซีรี่ส์อินเดียตั้งแต่สีดารามฯ มาจนถึงหนุมานฯ เพราะอยากได้ดูอะไรใหม่ๆ หลักการเลือกเรื่องคือให้คนดูรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มีปฏิสัมพันธ์ เช่น รู้เรื่อง หรือเคยเรียนมาก่อน คุ้นเคย อย่างเรื่องสีดารามฯ ที่เป็นเรื่องส่วนหนึ่งของรามเกียรติ์ และการผลิตที่ดี มีคุณภาพ
“ถือว่าช่อง 8 เลือกได้แจ็กพ็อต และพบว่าคนดูเป็นผู้หญิง และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่ดูละครไทย พอมาเรื่องหนุมานฯ ก็ได้แฟนช่องเพิ่ม เรตติ้งดีขึ้นเรื่อยๆ และในปีหน้ามีซีรี่ส์อินเดียที่เตรียมไว้ 3 เรื่อง” ดร.องอาจกล่าวและว่าเรตติ้งดี ก็ทำให้สามารถปรับอัตราค่าโฆษณาได้อีก
สำหรับ “นาคิน” ช่อง 33 เพิ่งออนแอร์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ายังต้องใช้เวลา โดยวันที่ 1 และ 2 พ.ย.ได้เรตติ้งเท่ากัน ส่วนวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.ได้เรตติ้ง 1.59
“จอนนี่ แอนโฟเน” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ และทำตลาด “นาคิน” ให้ช่อง 3 ตอบคำถามที่ว่าทำไมเรตติ้งน้อยกว่าเรื่องหนุมานฯ ว่า ต้องเข้าใจ เพราะเพิ่งออนแอร์ไม่กี่วัน และยังเชื่อมั่นว่าเรตติ้งจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
ซีรี่ส์อินเดีย ปัจจุบันมีการลงทุนสูงเฉลี่ยเรื่องละประมาณ 1,000 ล้านบาท บางเรื่องมีถึง 500-600 ตอน ปัจจุบันมีผู้ซื้อลิขสิทธิ์รายใหญ่ คือบริษัท เจเคเอ็น โกบอลมีเดีย จำกัด (มหาชน) ที่ซื้อจากค่ายหนังในอินเดียหลายราย และนำมาบริหารลิขสิทธิ์ขายต่อให้ช่องต่าง ๆ โดยหลักการลงทุนของแต่ละช่องแล้ว แม้ว่าการซื้อทั้งเรื่องจะมีราคาสูง แต่หากหารเฉลี่ยการลงทุนต่อตอนที่ออนแอร์ ถูกว่าผลิตละครเองประมาณ 2-3 เท่า ขณะที่ได้เรตติ้งไม่แพ้กัน.