เคป็อปไม่แรงพอ “เดอะเฟสชอป” ต้องพึ่ง “เจ้าแม่นาคี” ลุยต่างจังหวัด ดันยอดขายสู้ยุคคนชะลอสวย ตัดราคาคูชชั่นซื้อไทยถูกกว่าเกาหลี

ถ้าพูดถึงเจ้าแม่นาคี ที่เคยโด่งดังไปทั่วไทย นาทีนี้ก็ยังไม่มีใครลืมแต้ว ณฐพร เตมีรักษ์“ และนี่คือคำตอบชัดๆ สำหรับ เดอะเฟซชอป แบรนด์เครื่องสำอางจากเกาหลี ที่ใช้พรีเซ็นเตอร์ดาราเกาหลีมาโดยตลอด มาถึงจุดนี้ ต้องเปลี่ยนเกมมาใช้ดาราไทย เพราะต้องการลุยสร้างยอดขายต่างจังหวัดให้มากขึ้นแล้ว หลังในกทมยอดขายเริ่มนิ่ง

พิธาน องค์โฆษิตประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีเอฟเอส (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ได้รับลิขสิทธิ์จำหน่ายเดอะเฟซชอปในไทย เปิดเผยว่าคนใน กทม.รู้จักดาราเกาหลี แต่คนต่างจังหวัดอาจไม่ได้สนใจดาราเกาหลี เมื่อเราเป็นสินค้าเพื่อแมส ก็ต้องมีดาราไทยเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย  แต่การใช้พรีเซ็นเตอร์ที่ไม่ใช่ดาราเกาหลี สำหรับเดอะเฟซชอปไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องเตรียมการอย่างดี

ต้องโน้มน้าวทางเกาหลี และต้องเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแต้วเยอะมาก เพราะเขาเน้นพรีเซ็นเตอร์ที่โปรไฟล์ ประวัติดี ไม่มีเรื่องเสียหาย นอกเหนือจากที่เราเลือกเพราะเป็นดาราที่คนชื่นชมทุกภาคทั่วประเทศ มีความสวยสดใสเป็นธรรมชาติพิธาน กล่าว

งานนี้เดอะเฟซชอป คาดหวังว่าพลังเจ้าแม่นาคี จะช่วยให้ยอดขายปีหน้า ที่ได้จากต่างจังหวัดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 70% และ กทม. 30% จากปัจจุบัน มีสัดส่วนยอดขายต่างจังหวัด และ กทม.อย่างละครึ่ง

ซึ่งโดยรวมตั้งเป้ายอดขายเดอะเฟซชอป เติบโต 30-35% เป็นประมาณ 800-850 ล้านบาท จากปีนี้มียอดขายประมาณ 650 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ได้ยอดขาย 500 ล้านบาท หรือเติบโต 35% เช่นกัน สำหรับงบการตลาดปีหน้า ใช้ประมาณ 80-90 ล้านบาท

มหิธร พงษารัตน์ กรรมการ ทีเอฟเอส (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่าเฉพาะงบประมาณที่ใช้ในแคมเปญที่มีแต้วเป็นพรีเซ็นเตอร์ รวมถึงซื้อสื่อโฆษณา ตั้งแต่วันนี้ถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า รวมประมาณ 60 ล้านบาท โดยงบปีหน้ารวม 80-90 ล้านบาทนั้น 30% ใช้สื่อออนไลน์ จากปีที่แล้ว ใช้งบการตลาด 50-60 ล้านบาท ใช้ในสื่อออนไลน์ ประมาณ 15%

พิธาน เปิดเผยอีกด้วยว่า ยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้จากต่างจังหวัดมากขึ้น ยังมาจากแผนการขยายสาขาที่ปีนี้มี 83 สาขา 60% อยู่ในต่างจังหวัด ปีหน้าจะเพิ่มอีกรวม 25 สาขา เกือบทั้งหมดเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัด โดยใช้งบลงทุนต่อสาขา 1.5-2 ล้านบาท รวมประมาณ 50 ล้านบาท นอกจากนี้จะเพิ่มช้อปมัลติแบรนด์มากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ 5-6 สาขา เพื่อสร้างยอดขายจากแบรนด์อื่นที่บางสินค้าเดอะเฟซชอปไม่มี หรือยังไม่เด่นมากนัก

แนวโน้มกำลังซื้อลด คนชะลอสวย

ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจดีขึ้น หลังจากหน่วยงานรัฐต่างออกมาประกาศคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตัวเลขจีดีพีโต 3-4% แต่ พิธาน มองเห็นอีกมุมหนึ่งว่า ที่ตัวเลขจีดีพีโต เพราะส่งออก และการลงทุนภาครัฐ แต่ในส่วนผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่าย จึงกระทบกับธุรกิจเครื่ิองสำอางทั้งในกลุ่มสกินแคร์และเมคอัพ

โดยเห็นได้จากปีนี้ยอดซื้อต่อบิลลดลงประมาณ 5-10% จากปกติประมาณ 1,500 บาทต่อบิล

ปีที่แล้วมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท โต 15% แต่ปีนี้โตเพียงประมาณ 11% อยู่ที่ 2.7 แสนล้านบาท โดยกลุ่มสกินแคร์มีมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท เมคอัพ เช่น หน้า ปาก ตา เล็บ มูลค่า 2 แสนล้านบาทและคาดว่าปีหน้าตลาดรวมจะโตเพียง 9-10% หรือประมาณ 2.9 แสนล้านบาท

ในส่วนตลาดเมคอัพหน้ามีมูลค่าประมาณเกือบ 1 แสนล้านบาท หรือ 46% ของ 2 แสนล้านบาท โดยกลุ่มคูชชั่นมีมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ปีนี้เดอะเฟซชอปทำยอดขายคูชชั่นได้ 2 แสนตลับ ปีหน้าคาดไว้ 5-6 แสนตลับ คืดเป็นยอดขาย 35% ของยอดขายรวม ซึ่งเดอะเฟซชอปในไทยขายกลุ่มคูชชั่นนี้ถูกกว่าอยู่ที่ 649 บาท เรียกได้ว่าตัดราคาจากที่ซื้อเกาหลีที่ขายกว่า 700 บาท.