กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวโซเชียล เมื่อมีผู้เผยแพร่ภาพ มีผู้นำขวดน้ำแดงวางบนแท่นยืนฐานประติมากรรมยักษ์สุริยาภพ ซึ่งอยู่ภายในห้องโถงอาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 จนเกิดเป็นกระแสไปทั่ว
บางส่วนเชื่อว่าเป็นเรื่องงมงาย และขัดต่อสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวเน็ตระบุข้อความว่า “เจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิช่วยเคลียร์ช่วยเก็บหน่อยเถอะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวได้มีม้าลายตามมาแน่”
จนกระทั่งล่าสุด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ต้องออกมาชี้แจงว่าเมื่อดูจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่า มีชายคนหนึ่งนำน้ำแดงมาวางไว้ตามภาพที่ปรากฏ ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดนำเก็บขวดน้ำแดงไปเก็บ และทำความสะอาดไปเรียบร้อยแล้ว
จนท.การท่ากำลังงงกันยกใหญ่ หลังมีคนซื้อน้ำแดงมาไหว้ยักษ์กลางสนามบินสุวรรณภูมิ…
//ผมจองที่เปิดแผงขายของขลังยทท.จีนหนึ่งแผงครับ pic.twitter.com/v0kmhaXIX2— Prajya Aura-ek Phil (@Phil_Prajya) December 4, 2017
สำหรับประติมากรรมยักษ์ (GIANT SCULPTURES) ตั้งอยู่ภายในห้องโถงอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขาออก ชั้น 4 มีทั้งหมด 12 ตน เพื่อแสดงให้ชาวต่างชาติได้เห็นถึงศิลปะ เอกลักษณ์ความเป็นไทย และยังแสดงถึงความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม เหมือนดั่งผู้คุมให้กับประเทศ โดยไม่อนุญาตให้มีการนำสิ่งของต่างๆ มาวางไว้ ในลักษณะของการกราบไหว้บูชา
จะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ห้างเทอร์มินัล 21 อโศก ก็เจอกับเหตุการณ์ใกล้เคียงกันนี้ เมื่อมีผู้นำขวดน้ำแดง กระถางธูป ของเซ่นไหว้ มาวางไว้บนแท่นศาลพระภูมิที่ไม่ได้ก่อสร้าง มีเพียงแท่นสายไฟ จนถูกแชร์กระหึ่มในโซเชียลมีเดีย
ช่วงนั้น อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 ยังเคยเล่า ในงานสัมมนา ว่า เดิมทีลูกน้องมาขอตั้งศาลพระภูมิ แต่เขาไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าคนผ่านเทอร์มินัลวันละมาก ๆ ก็เลยเหลือแต่ฐานกับสายไฟที่ต่อขึ้นมา แต่ถึงจะไม่มี “ศาลพระภูมิ” ก็ตาม แต่ทุกเช้าจะต้องมีน้ำแดง ขนมวางเต็มไปหมด คงจะเป็นพระแบบ invisible ไม่เห็นองค์ แต่นึกเอาเอง พูดง่ายๆ ว่า คือ “ศาลล่องหน”
ด้วยพฤติกรรมความเชื่อที่เป็นสไตล์ไทยๆ นี้เอง ถึงกับได้รับการประเมินว่า นี่คือ 1 ในเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยที่นักการตลาดห้ามมองข้าม และต้องเข้าใจให้ถ่องแท้เพื่อที่จะทำการตลาดให้ได้ประสบความสำเร็จ
โดย สมาคมวิจัยตลาดแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอเป็น 1 ในเทรนด์ผู้บริโภคปี 2015 หรือ 2558 ถือว่ามีความสำคัญต่อการทำตลาดให้ประสบความสำเร็จ
นักการตลาดเองก็มองว่า ด้วยสไตล์ของคนไทยที่ไม่เหมือนไม่เหมือนกับชาติใดในโลกนี้เอง ทำให้นักการตลาดและนักโฆษณา มองว่า รูปแบบการทำตลาดของสินค้าและบริการในไทยนั้น ไม่ควรยึดจากตำราของต่างประเทศมาใช้ เพราะคนไทยมีสไตล์การใช้ชีวิต ทัศนคติความเชื่อ วิธีคิด ไม่เหมือนใคร การทำตลาดจึงต้องเป็นแบบ Thailand Only เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาโฆษณาหลายชิ้นและการทำตลาดของหลายผลิตภัณฑ์ที่ยึดสไตล์ไทยก็ทำแล้วเห็นผล
ก่อนหน้านี้ สมาคมวิจัยการตลาด ได้เคยสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย ถือว่ามีพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ในลักษณะที่เป็น Thailand Only คือ 5 S ได้แก่ Saduak / Sabai / Sanuk / Smile / Sa-thu (สะดวก / สบาย / สนุก / สไมล์ / สาธุ)
สมาคมฯ ได้หยิบยกการทำกิจกรรม “ไอซ์ บักเก็ต” ในช่วงที่ผ่านมาจนประสบความสำเร็จ เพราะผู้ร่วมโครงการสามารถทำกิจกรรมดังกล่าวได้ทุกสถานที่อย่างสะดวก สบาย มีความสนุก ได้รอยยิ้ม และเป็นเรื่องเกี่ยวโยงถึงการทำบุญ (สาธุ) และความเชื่อต่างๆ ซึ่งต่อเนื่องไปถึง S ที่ 6 และ 7 คือ Status หรือสถานะที่มาจากการแชร์ (Share)