รอยเตอร์ – แอร์บัสกำลังร่างแผนในความเป็นไปได้ที่จะค่อยๆยุติผลิตเครื่องบินโดยสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก “ซูเปอร์จัมโบ A380” หากไม่ได้รับคำสั่งซื้อจากสายการบินเอมิเรตส์ ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวใกล้ชิดในเรื่องนี้เมื่อวันพุธ (27ธ.ค.)
เค้ารางแห่งข้อเท็จจริงของเครื่องบินยอดขายต่ำปรากฎขึ้นมา ทั้งที่มันเพิ่งเข้าสู่การบริการได้เพียง 10 ปี และทำให้อนาคตของแอร์บัส A380 ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ความเป็นสากลที่จับต้องได้มากที่สุดของยุโรปแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“ถ้าไม่ได้สัญญาจากเอมิเรตส์ แอร์บัสจะเริ่มกระบวนการยุติผลิต A380” บุคคลที่เข้าร่วมรับฟังสรุปเกี่ยวกับแผนดังกล่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ซัพพลายเออร์เจ้าหนึ่งเสริมว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวสมเหตุสมผล เนื่องจากอุปสงค์อ่อนแอ
ทั้งแอร์บัสและเอมิเรตส์ ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว
แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่าการยุติผลิตใดๆจะเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อเปิดทางให้ แอร์บัส ผลิตเครื่องบินเพื่อส่งมอบตามคำสั่งซื้อทีมีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากสายการบินเอมิเรตส์ โดยรอยเตอร์คาดหมายว่าตามกำลังผลิตในปัจจุบัน อาจกินเวลาไปจนถึงทศวรรษหน้า
แอร์บัส A380 ซึ่งมีต้นทุนการพัฒนาถึง 11,000 ล้านยูโร สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ราว 500 คนและมีจุดประสงค์เพื่อท้าทายความยิ่งใหญ่ของโบอิ้ง747 แต่อุปสงค์ของเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์นี้กลับดำดิ่ง เนื่องจากสายการบินต่างๆมักเลือกเครื่องบิน 2 เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งสะดวกต่อการหาผู้โดยสารและมีค่าบำรุงรักษาถูกกว่า
อย่างไรก็ตามเอมิเรตส์ยังคงเป็นสายการบินที่เชื่อมั่นใน A380 โดยเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด ด้วยคำสั่งซื้อรวม 142 ลำ แต่เพิ่งได้รับมอบราวๆ 100 ลำ
การเจรจาระหว่างแอร์บัสและเอมิเรตส์ เกี่ยวกับคำสั่งซื้อใหม่ซูเปอร์จัมโบอีก 36 ลำ มูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์ พังครืนลงที่งานดูไบ แอร์โชว์เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนับตั้งแต่นั้นทั้งสองฝ่ายได้ฟื้นการเจรจาขึ้นมาอีกครั้ง แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบเห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะตกลงกันได้
แม้ว่าสายการบินต่างๆอย่างเช่น บริติช แอร์เวย์ส แสดงความสนใจใน A380 แต่ แอร์บัส ลังเลที่จะเปิดโรงงานต่อ หากปราศจากคำสั่งซื้อที่แน่นอนจากเอมิเรตส์ ในขณะที่ทางฝั่งของเอมิเรตส์เอง ก็ต้องการคำรับประกันจาก แอร์บัส ว่าจะยังเดินหน้าผลิตต่อไปอีกสักทศวรรษ เพื่อปกป้องการลงทุนของพวกเขา
การตัดสินใจยกเลิกผลิตอาจกลายเป็นจุดแตกหักระหว่างแอร์บัสกับหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเขา และในอนาคตอาจผลักให้ เอมิเรตส์ หันไปสั่งซื้อเครื่องบินจากโบอิ้งมากขึ้น ขณะที่แหล่งข่าวยุโรป ตั้งข้อสังเกตว่ามันสะท้อนถึงการขยายอิทธิพลในอ่าวเปอร์เซียของอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่แหล่งข่าวอุตสาหกรรมของทั้งสหรัฐฯและยูเออี ยืนยันว่าประเด็นการเมืองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้.
ที่มา : mgronline.com/around/detail/9600000130507