26 ปีในวงการบันเทิงที่โด่งดังของ “หมิว ลลิตา ปัญโญภาส” ไม่เคยหายไปจากกระแส เพราะคุณสมบัติส่วนตัวเรื่องการศึกษา ฝีมือการแสดง และสเต็ปของชีวิตที่หลายคนชื่นชม ทำให้วันนี้แม้ว่า “หมิว” จะแต่งงาน ต่อท้ายชื่อด้วยนามสกุลใหม่ “ศศิประภา” แล้ว แต่แฟนๆ ของ “หมิว” ก็ยังเหนียวแน่น โดยเฉพาะกลุ่มแฟนละครของเธอที่วันนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เธอจึงยังฮอตในเส้นทางนี้ เป็นพรีเซ็นเตอร์รุ่นพี่มือโปร ที่มีส่วนทำให้แบรนด์ที่เรียกใช้ “หมิว” มียอดขายเพิ่ม คนจำแบรนด์ได้ไม่สับสน
“หมิว” วิเคราะห์ความสำเร็จกรณีที่แบรนด์ต่างๆ ใช้พรีเซ็นเตอร์ ว่า มีองค์ประกอบเชื่อมโยงกัน 4 ส่วนคือ
1. สินค้าที่มีคุณภาพ
2. พรีเซ็นเตอร์เป็นที่รู้จัก เช่น คนในวงการละคร หนัง นักแสดง หรือศิลปินที่เป็นที่รู้จัก
3. ความน่าเชื่อถือ มาจากการที่จะบอกอะไรกับใครแล้วเขาเชื่อสิ่งที่เราบอกว่าดีจริง
4. เอเยนซี่ ในการสร้างเนื้อหาให้คนเชื่อว่าสินค้าน่าเชื่อถือจริง เพราะคนเชื่อถือสินค้า ไม่ใช่เพราะพรีเซ็นเตอร์คนเดียว โปรดักชั่นที่ดำเนินเรื่อง ผู้กำกับ ครีเอทีฟให้คนจำได้
ทั้ง 4 ส่วนนี้ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน สินค้าถึงน่าเชื่อถือ และน่าสนใจสำหรับคนทั่วไป
ตลอดเวลากว่า 20 ปี “หมิว” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าอย่างหลากหลาย โดยมีจุดเด่นที่กลุ่ม Beauty Product เมื่อสถานภาพของ “หมิว” เปลี่ยนเป็นมีครอบครัว ในช่วงหลังสินค้าที่เน้นสุขภาพ ความงามในวัยผู้ใหญ่ และคอนเซ็ปต์ครอบครัว เริ่มมี “หมิว” เป็นพรีเซ็นเตอร์พร้อมครอบครัว และล่าสุดกับ “บัตรเครดิตเอสซีบี Family Plus ของธนาคารไทยพาณิชย์” ซึ่งปกติธุรกิจการเงินจะระมัดระวังอย่างยิ่งในการคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์
สำหรับ “หมิว” เองบอกว่าหลักในการเลือก คือสินค้าที่เหมาะสมกับตัวเอง หมายความว่า ต้องเป็นสินค้าที่คนเชื่อว่าเราใช้ได้จริงๆ หรืออะไรที่เป็นไปได้ และไม่มีอันตรายต่อ Consumer ส่วนนี้คือจุดที่ทำให้การพรีเซนต์สินค้าออกไปแล้วเกิดความน่าเชื่อถือ เช่นล่าสุดกับบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ ก็เห็นว่าเป็นธนาคารที่เก่าแก่น่าเชื่อถือ และเป็นโปรดักส์ที่เกี่ยวกับการออมด้วยแม้จะเป็นบัตรเครดิตก็ตาม จึงไม่เสียหายกับใคร
ส่วนการที่หลายคนชื่นชมในการวางตัวของ “หมิว” นั้น “เธอ” บอกว่า “เป็นเรื่องของ Image มากกว่า คิดว่าตัวเองไม่ได้ดี 100% ก็เหมือนมนุษย์ทุกคน เรายอมรับในความไม่ดี คนเรามีทั้งดีไม่ดี เรายอมรับว่าทำไม่ดี ผิดพลาด คนก็ยอมรับได้ เพราะเป็นไปไม่ได้ว่าเราจะดีไปหมดทุกอย่าง”
ในฐานะศิลปินรุ่นพี่ “หมิว” มองเห็นว่ากลยุทธ์ของสินค้าในการใช้พรีเซ็นเตอร์เปลี่ยนแปลงไปตามภาวะการแข่งขันธุรกิจที่สูงขึ้น และคนที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ต้องทำให้ได้ผลที่สุด เพราะเจ้าของสินค้าก็คาดหวัง ที่ชัดเจนเช่นเมื่อก่อนการออกอีเวนต์อาจไม่มาก แต่ปัจจุบันพรีเซ็นเตอร์ต้องทำมากกว่าทีวีซี มีออกอีเวนต์เพื่อผลทางการตลาดมากขึ้น
แต่สำหรับ “หมิว” อยู่ในระดับพรีเซ็นเตอร์รุ่นเก๋า เธอขอบอกว่าลักษณะงาน “ค่อนข้างมาตรฐานเดิม” แม้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่ง “หมิว” ของบอกว่า “ค่าตัวเป็นไปตามอายุการทำงานของแต่ละคนมากกว่า ค่ะ”
เหตุผลหนึ่งสำคัญที่เอเยนซี่ และเจ้าของสินค้าบอกตรงกันคือ “หมิว” ดูแลการรับงานของตัวเองอย่างดีไม่ว่าจะเป็นงานละคร ที่เลือกบทบาทได้อย่างเหมาะสม และความถี่ในการเสนองานก็ไม่มากจนเกินไป หรือทำให้ผู้ชมสับสน รวมไปถึงการรับหรือไม่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ ที่ไม่ทับซ้อนกันมากนัก ถือได้ว่าสไตล์ของ “หมิว” คือรับงานน้อยชิ้น แต่ชิ้นหนึ่งนอกจาก 7 หลักแล้ว ยังไต่ระดับไปถึง 5-10 ล้านบาทเลยทีเดียว
Profile
ชื่อ นามสกุล – ชื่อเล่น : ลลิตา (ปัญโญภาส) ศศิประภท -หมิว
วันเดือนปีเกิด : 5 ตุลาคม 2514
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 169 เซนติเมตร /50 กิโลกรัม
การศึกษา : โรงเรียนอนุบาลยุคลธร ประถม-มัธยมต้น โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา มัธยมปลาย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (ศิลป์ ฝรั่งเศส) ปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลับศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน อนุปริญญา สาขาออกแบบตกแต่งภายใน ที่ Inchbald School of Design ประเทศอังกฤษ ปริญญาโท สาขาออกแบบตกแต่งภายใน ที่ Master Middlesex University อังกฤษ
ประสบการณ์ทำงาน : เล่นละครเรื่องแรกตั้งแต่อายุ 10 ขวบ หรือในปี 2534 และโด่งดังในปี 2530 ในละครเรื่อง “ปริศนา” มีละครจนถึงปี 2008 จำนวน 27 เรื่อง ภาพยนตร์ 10 เรื่อง ละครเวที 2 เรื่อง พ็อกเกตบุ๊ก 2 เล่ม ส่วนตัวอย่างผลงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ มีดังนี้
ปี 2004 “พอนด์ส เอ็กซ์ตร้า ไลท์เทนนิ่ง / “ครีมอาบน้ำลักส์”
ปี 2005 บอดี้เชป
ปี 2006 “สมูท อี โกลด์”
ปี 2007 โฟร์โมสต์ ไฮแคลเซี่ยม
ปี 2009 บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ เอสซีพี แฟมิลี่ พลัส
สถานภาพ : สมรส กับ “ก้อง นรบดี ศศิประภา” มีบุตรชาย 2 คน คือแพลงต้อน และอีตั้น



