อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (NYSE: BABA) ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีรายได้รวม 83,028 ล้านหยวน หรือประมาณ 12,761 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 56% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
ส่วนปัจจัยบวกที่หนุนธุรกิจให้โตอย่างแข็งแกร่ง มาจากนวัตกรรม และบริการที่หลากหลายที่บริษัทเสนอให้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค และที่สำคัญคือการบริโภคของชาวจีนยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการจัดกิจกรรมการตลาดสุดยิ่งใหญ่ในวันคนโสดหรือ 11.11 กลายเป็นมหกรรมโกยเงินถล่มทลายแบบวินาทีต่อวินาที
ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 23,332 ล้านหยวน หรือ 3,586 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 55,137 ล้านหยวน หรือ 8,480 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกระแสเงินสดที่มากมาจากธุรกิจหลัก ซึ่งก็คือค้าปลีก-ค้าส่งถึง 7,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้บริษัทสามารถนำเงินไปลงทุนในธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ คลาวด์คอมพิวติ้ง และธุรกิจสื่อดิจิทัลเพื่อความบันเทิง เพื่อตอบรับกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
“เรารู้สึกตื่นเต้นกับกระแสตอบรับอย่างต่อเนื่องของธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ (New Retail) ซึ่งเกิดขึ้นภายในเทศกาล 11.11 โกลบอล ช้อปปิ้ง เฟสติวัล มหกรรมช้อปปิ้งประจำปีที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นอีกครั้ง” มร. แดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว
ไฮไลต์ผลประกอบการอาลีบาบา กรุ๊ป ไตรมาส 3
• รายได้หลักจากธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่งอยู่ที่ 73,244 ล้านหยวน หรือ 11,257 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
• รายได้จากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งอยู่ที่ 3,599 ล้านหยวน หรือ 553 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 104% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
• รายได้จากธุรกิจสื่อดิจิทัลและบันเทิงอยู่ที่ 5,413 ล้านหยวน หรือ 832 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
• รายได้จากกลุ่มธุรกิจเชิงนวัตกรรมอยู่ที่ 772 ล้านหยวน หรือ 119 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
• ผู้บริโภคชาวจีนมีการช้อปปิงสินค้าผ่านช่องทางค้าปลีกของอาลีบาบาอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี รวมทั้งสิ้น 515 ล้านคน เติบโตขึ้นถึง 27 ล้านราย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
• เดือนธันวาคมพบว่า ยอดผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเข้าถึงช่องทางค้าปลีกของบริษัทผ่านโทรศัพท์มือถือสูงถึง 580 ล้านคน สูงกว่าเดือนกันยายนถึง 31 ล้านคน
และจากความสำเร็จด้านยอดขายมหาศาล ทำให้บริษัทขยายโปรเจกต์ต่างๆ ด้านการค้าปลีกยุคใหม่มากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่หลอมรวมระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ผ่านทางเทคโนโลยีมือถือ และเทคโนโลยีสำหรับองค์กร
อย่างไรก็ตาม จากผลประกอบการที่เติบโตสูง ยังทำให้บริษัทปรับประมาณการรายได้ในปี 2561 จะเติบโต 55-56% จากเดิมอยู่ที่ 53%.