นาทีนี้ BNK48 ดังแรง! ฉุดไม่อยู่แล้ว 10 แบรนด์ดังดึงเป็นพรีเซ็นเตอร์ แตกไลน์สินค้าใหม่เจาะตลาดอีกเพียบ! (มีคลิป)

หลังการปลุกปั้น “BNK48” โมเดลธุรกิจใหม่ในประเทศไทยอย่าง Idol Platform ของ “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรส อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด (RAM) ที่เปิดตัวครั้งแรกต่อสาธารชน(Debut)เมื่อ 2 มิ.ย.60 จนถึงปัจุบัน ธุรกิจถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีไอดอลดังเกิดขึ้น เพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ยอดวิวพุ่งปรี๊ด พลิกตลาดและกลุ่มเป้าหมายจำกัดเฉพาะ(Niche market)จนขยายสู่ตลาดวงกว้าง (Mass) ได้อย่างรวดเร็ว

ดีกรีความดังของไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 ยังแรงขึ้น เพราะปี 2561 เหล่าสมาชิกของวงมีงานจ่อคิวเพียบ เพื่อกวาดเงินให้บริษัทใน 3 ช่องทางสัดส่วนเท่าๆกัน ได้แก่ 1.ขายสินค้า ซีดี เสื้อผ้า ของที่ระลึก (Merchandise)  2.การขายตั๋วการแสดงต่างๆ(Ticketing)จากคอนเสิร์ต เปิดเธียร์เตอร์ แคมปัสการ์ด อีเวนท์การจับมือ ฯ และ 3.การบริหารจัดการไอดอล(Talent Management) การเป็นพรีเซ็นเตอร์ โชว์ตัว และสปอนเซอร์ชิป

++ประเดิมโกยงานพรีเซ็นเตอร์นับ 10 แบรนด์ดัง

ลุ้นกันมาสักพัก เมื่อไหร่ไอดอลดังจะมีงานพรีเซ็นเตอร์ ปีนี้เลยได้เห็นแบบจัดเต็ม เพราะมีสินค้าแบรนด์ดังนับ 10 แบรนด์ เตรียมดึงสมาชิกในกลุ่มไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่อยู่นหมวด(Category)ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และมีลูกค้าเป้าหมายจับคนรุ่นใหม่ สอดคล้องกับคาแร็กเตอร์ของไอดอลแต่ละคนนั่นเอง ส่วนสินค้าใหญ่ รายได้ดี เช่น กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสินค้าที่ทำให้เห็นผลในข้ามคืน เช่น ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก บริษัทจะไม่รับงาน เพราะถือว่าขัดกับ Positioning ของแบรนด์ BNK48 ที่ต้องใช้ความพยายาม ความมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ

“การที่แบรนด์จะเลือกไอดอลในการสื่อสารหรือทำตลาดกับลูกค้า มองว่าถ้า Positioning ของน้องๆมีความชัดเจน ก็เชื่อมโยงกับแบรนด์ของลูกค้าได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ในการเลือกว่าไอดอลคนไหนเหมาะจะเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอะไร เราต้องดูกลุ่มเป้าหมายของสินค้านั้นๆเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่าน้องๆทั้ง 27 คน มีคาแร็กเตอร์ อายุที่แตกต่างกัน”

อีกหนึ่งการทำเงินในขานี้ คือการร่วมกับเวิร์คพอยท์ผลิตรายการโทรทัศน์ใหม่ 2-3 รายการ รูปแบบเกมโชว์ วาไรตี้ และจะใช้ชื่อของไอดอลเป็นชื่อของรายการ จะช่วยสร้างฐานแฟนคลับของ BNK48 ได้มากขึ้น โดยรายการแรกคาดว่าจะออกอากาศได้กลางปีนี้

ธีรศักดิ์ อรุณเริ่มวัฒนะ ผอกลุ่ม ด้านการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ และบริหารสื่อโฆษณา บริษัท ทรู คอร์อเรชั่น

++แตกไลน์สินค้าลิขสิทธิ์ อุปกรณ์เทพเจาะเกมเมอร์

ส่วนการขายสินค้า(Merchandise)ปีนี้จะเห็นการแตกไลน์สู่สินค้าลิขสิทธิ์(Licensing) สินค้าที่ไม่ใช่ของที่ระลึก(Non-Souvenir) และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากขึ้น หลังจากหารือกับพันธมิตรผู้ผลิตสินค้า 6 หมวด จ่อออกโปรดักท์ใหม่ทำตลาดเร็วๆนี้ ได้แก่ อุปกรณ์เทพของนักเล่นเกมระดับเทพ(Gaming Gear) เพราะกลุ่มดังกล่าวชื่นชอบและเป็นฐานแฟนคลับของ BNK48 อยู่แล้ว รวมถึงสินค้าอุปกรณ์เสริมสำหรับมือถือ เครื่องเขียน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ด้วย  

ที่ผ่านมา BNK48 มีสินค้าหลักๆที่จำหน่ายให้กับกลุ่มเป้าหมาย จะจำกัดอยู่แค่ซีดีซิงเกิลเพลง เสื้อผ้า ของที่ระลึก แต่การแตกไลน์ไปสู่สินค้าใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัทมากขึ้น

++เปิดเธียร์เตอร์ แคมปัส เพิ่มรอบคอนเสิร์ตดันรายได้

ส่วนการหารายได้จากการขายตั๋วการแสดงต่างๆ คอนเฟิร์มการเปิดคอนเสิร์ตในเธียร์เตอร์ไตรมาส 2 หลังจากบริษัทลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เช่าพื้นที่และสร้างเวทีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองที่เดอะมอลล์ บางกะปิ เนื้อที่กว่า 1,000 ตารางเมตร จุผู้ชมได้ 350 ที่นั่ง โดยการแสดงที่เธียร์เตอร์แห่งนี้ จะมีขึ้น 3 รอบต่อสัปดาห์ ราคาบัตรเข้าชมอยู่ 400 บาท แต่ตอนนี้บัตรถูกขายหมดเกลี้ยง 15,000 ใบ เรียกว่าคิวแสดงเต็มตลอด 1 ปีเรียบร้อย

พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นแคมปัส ใช้จัดโชว์อื่นๆ การแสดง อีเวนท์การจับมือ ถ่ายทำรายการโทรทัศน์  ผลิตคอนเทนท์ต่างๆ ตลอดจนการซ้อมของ BNK48 ด้วย

เหตุผลที่เลือกเดอะมอลล์ บางกะปิ จัดคอนเสิร์ตเพราะต้องการขยายตลาด BNK48 เจาะกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง(Mass)มากขึ้น และห้างตอบโจทย์เพราะแต่ละวันมีคนเดินมาช้อป ใช้ชีวิตจำนวนมาก ต่างจากการจัด Digital live studio(ตู้ปลา) ที่เจาะตลาด Niche  

“ที่เธียร์เตอร์จะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตของน้องๆ ที่บริษัททำซิงเกิลมาร้องที่นี่โดยเฉพาะเท่านั้น ตอนนี้บัตรการแสดงก็ขายหมดเกลี้ยงแล้ว นอกจากนี้เรายังมีแคมปัสการ์ดจำหน่ายในราคา 600 บาท ที่ขายหมดแล้วเช่นกัน ซึ่งบัตรดังกล่าวผู้เข้าชมจะได้จับมือกับ BNK48 ด้วย”

อีกโปรเจคต์ทำเงิน คือการจัดคอนเสิร์ตใหญ่วันที่ 31 มีนาคมนี้ ที่ไบเทค ซึ่งบริษัทมีแผนจะเพิ่มรอบการแสดง เพราะกระแสความต้องการมาแรงมาก ทั้งที่ยังไม่เปิดขายบัตรอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ บริษัทยังนำ BNK48 ไปร่วมงาน Bangkok Comic Con(BCC) x Thailand Comic Con(TCC) 2018 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27-29 เม.ย.นี้ ณ รอยัลพารากอนด้วย งานดังกล่าวมีไฮไลท์สำคัญเพราะจะมีคนร่วมงานเป็น “แสน” จึงเป็นโอกาสดีในการซีนเนอร์ยีกับ “ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป” ผู้จัดงานช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์(Brand Awareness) BNK48 ให้รู้จักในวงกว้าง

ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทยังลุยธุรกิจไอดอลต่อ ด้วยการนำงาน Tokyo ldol Festival งานไอดอลใหญ่จากญี่ปุ่นมาเปิดตลาดในไทยครั้งแรกที่งาน BCCxTCC ด้วย

 ส่วนกิจกรรมอื่นๆที่จะเห็นเพิ่มเติม คือการลุยจัดมินิคอนเสิร์ต Digital live studio ในต่างจังหวัด หลังชิมลางจัดที่เชียงใหม่พบว่าการตอบรับดี มีฐานแฟนคลับใหม่ๆอายุ 12-17 ปีเข้ามามากขึ้นถึง 80% จากฐานหลักอายุ 18-24 ปี ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 60% และผู้หญิง 40%   

“โครงสร้างรายได้ BNK48 มาจาก 3 กลุ่ม ในสัดส่วนเท่าๆกัน และปีนี้บริษัทลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ขยายธุรกิจตลอดจนร่วมกับพันธมิตรจัดอีเวนท์ต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ และในอนาตตถ้าเรามีงานพรีเซ็นเตอร์มากขึ้น จะทำให้ขายสินค้าได้มากขึ้น และจัดคอนเสิร์ตถี่ขึ้น รายได้โดยรวมก็จะเติบโตยกแผง”

++BNK48 ปังเพราะแบรนด์เจ๋งตีคู่ทำตลาดออนไลน์  

สำหรับไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 ถือเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ไอดอลน้องสาวของ AKB48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการเดบิวท์กลางปีก่อน เพราะตัวแบรนด์ต้นฉบับมีความแข็งแรงมาก จนทำให้ขยายแฟรนไชส์ไปหลายประเทศในเอเชีย นำไปสู่การสร้าง “ฐานแฟนคลับ” ของแบรนด์จำนวนมหาศาล รวมทั้งในประเทศไทยที่มีคนรู้จักอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่อ่านการ์ตูนญี่ปุ่น จะชื่นชอบไอดอลแบบ BNK48

รวมถึงวัฒนธรรมของไอดอลญี่ปุ่น การครีเอทศัพท์ใหม่ๆที่ไม่เคยมีประเทศไทยสร้างความน่าสนใจให้ตลาดได้อย่างมาก เช่น การจับมือ คือการที่แฟนคลับจะต้องซื้อสินค้าเพื่อแลกกับการจับมือไอดอลคนโปรด 7-10 วินาที การเป่ายิงฉุบ ซึ่งสมาชิกในวงจะต้องแข่งขันกันเพื่อร่วมร้องซิงเกิลเพลง การเลือกตั้ง คือให้แฟนคลับ(โอตะ)โหวตไอดอลคนโปรดได้ร่วมร้องซิงเกิล เป็นต้น สิ่งเหลานี้แตกต่างจากไอดอลในประเทศไทยที่ใครก็สามารถดังได้

“ผมเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของแบรนด์ 48 อย่างมาก และแฟรนไชส์ที่ได้มา คือได้ในเรื่องของ Branding ฐานแฟนคลับและวัฒนธรรม”

แต่อีกกลยุทธ์ที่ทำให้ BNK48 ปังยิ่งขึ้น คือการทำตลาดผ่านโลกออนไลน์ โซเชียลมีเดียต่างๆ มีคนดัง(Influencer)ช่วยสร้างกระแสให้วงไม่น้อย ทำให้เกิดการ Engage กับวงอย่างมาก มีคนรู้จักเยอะขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความดังที่เกิดขึ้น บริษัทยังไม่มองว่าประสบความสำเร็จ เพราะเป้าหมายใหญ่ในการทำธุรกิจ Idol Platform  คือต้องการเห็น BNK48 ใน 2 มิติ 1.ทางสังคม เกิดไอดอลที่เป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่ 2.ด้านการทำงาน คือปลุกปั้นให้น้องๆ BNK48 เป็นที่รู้จัก หากเสริมเป้าหมายทางธุรกิจต้องการสร้างธุรกิจบริการจัดการไอดอลที่ Positioning ดี.