เมื่อแพลตฟอร์ม วิดีโอ ออนไลน์ Over the Top หรือ OTT กำลังเป็นอีกทางเลือกให้กับ “ช่องทีวี” ในการหารายได้ และขยายฐานคนดู ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ไปไกลถึงประเทศจีน
อย่างช่อง 3 ที่นอกจากจะเป็นพันธมิตรกับ LINE TV ขยายฐานคนดูไปกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ล่าสุดช่อง 3 ยังประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท เทนเซ็นต์ วิดีโอ ในเครือบริษัทเทนเซ็นต์ (Tencent) ยักษ์ใหญ่วงการไอทีของจีน ส่งออกคอนเทนต์ ละครไปตลาดจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายฐานผู้ชม เพิ่มรายได้ และลดการละเมิดลิขสิทธิ์
ที่ผ่านมาละครไทย ถือเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดจีน ซึ่งละครและดาราของช่อง 3 ก็อยู่ในกระแสความนิยมด้วยของชาวจีนด้วยเช่นกัน จึงทำให้ละครไทยเป็นที่ต้องการของ Tencent Video ผู้ประกอบการ OTT รายใหญ่ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 565 ล้านคน
ในปีที่ผ่านมา Tencent Video ประสบความสำเร็จในการนำเอาละครไทย 2 เรื่องไปลงในเครือข่าย ได้แก่ เธอคือพรหมลิขิต ช่องวัน และ Princess Hours ของช่องทรูโฟร์ยู ที่มียอดวิวมากกว่า 900 ล้านวิว และ 600 ล้านวิว ตามลำดับ
เมื่อเห็นผลมาแล้ว คราวนี้ Tencent เลยพุ่งเป้าผู้ผลิตละครรายใหญ่ของประเทศไทยอย่าง ช่อง 3 เพราะช่อง 3 มีไลน์อัพละครปีละประมาณ 50 เรื่อง มีดาราดังในสังกัดจำนวนมากที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจร่วมกันได้ ในการสร้างฐานแฟนคลับ จัดอีเวนต์ คอนเสิร์ต โดยคาดหวังว่าน่าจะมียอดผู้ชมสูงกว่าละครไทย 2 เรื่องที่เคยออกอากาศไปเมื่อปีที่แล้ว
จึงเป็นที่มาของดีลในครั้งนี้ โดยช่อง 3 ได้รับการติดต่อจากบริษัท Insight Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนของ Tencent ในไทย ขอเจรจาซื้อละครของช่อง 3 เพื่อนำไปออกอากาศในเว็บไซด์ Tencent Video
ภายใต้ข้อตกลง Tencent จะสามารถออนแอร์ละครภายในวันเดียวกับของไทย ถือเป็นเงื่อนไขพิเศษที่ช่อง 3 ไม่เคยขายให้ใครในรูปแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขรายได้จากดีลนี้
ดีลนี้ จึงสร้างโอกาสให้กับทั้งคู่ โดยช่อง 3 จะส่งออกคอนเทนต์ละคร ไปออนแอร์บนแพลตฟอร์มของ Tencent Video ระบบ HD ซึ่งก็ต้องการคอนเทนต์ละครไทยไปออนแอร์
ส่วนช่อง 3 เองจะได้รายได้ก้อนใหญ่จากขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศแล้ว การร่วมมือในครั้งนี้ยังช่วยบริหารจัดการในเรื่องลิขสิทธิ์ของละครช่อง 3 ให้ถูกต้องในประเทศจีน ลดการดาวน์โหลดดูละครที่ไม่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์
เป้าหมายแรก ละคร 3 เรื่องปีนี้
ตามแผนที่วางไว้ ช่อง 3 จะส่งละคร 3 เรื่อง คือ ลิขิตรัก The Crown Princess ละครใหม่ ที่เดิมมีคิวจ่อออนแอร์ต่อจากละคร ”เงินปากผี” ในวันจันทร์-อังคาร ช่วงหลังข่าว เป็นละครฟอร์มใหญ่ของช่อง ที่ไปถ่ายทำถึงประเทศเยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์ แถมยังได้นักแสดงระดับแม่เหล็กของช่อง ณเดชน์ และ ญาญ่า ที่มีผู้จัด แอน ทองประสม จนทำให้ต้องเลื่อนเวลาการออกอากาศไปอีกล็อตหนึ่ง เพราะต้องรอคิวออนแอร์ในวันเดียวกันกับทางจีน อีกทั้งต้องรอการเซ็นเซอร์จากทางการจีนก่อนออกอากาศด้วย
ส่วนละครใหม่อีก 2 เรื่อง ที่เจาะจงนักแสดงไว้แล้ว 1 เรื่อง คือ “ Beauty Boy” มีเต๋า เศรษฐพงษ์ และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก แสดงนำ และอีกเรื่องยังอยู่ระหว่างการเตรียมงาน
อย่างไรก็ตาม การนำละครไทยไปออกอากาศในจีนนั้นมีเงื่อนไขหลักๆ 3 ข้อ คือ 1.ห้ามละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ภูตผี วิญญาณ 2.ห้ามมีการกระทำผิดกฎหมายโดยเยาวชน และ 3.ห้ามมีตัวละครหลักเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ ทำให้ต้องมีการเจรจาเรื่องแนวทางละคร ที่จะนำไปออกอากาศอย่างชัดเจน นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังมีคำสั่ง ห้ามให้มีโฆษณาคั่นกลางละครแต่ละเรื่อง เนื่องจากรัฐบาลมองว่าเป็นการเอาเปรียบผู้ชมอีกด้วย
ตั้งเป้าปั๊มรายได้
ความร่วมมือกับ Tencent ในครั้งนี้ ช่อง 3 ตั้งความหวังว่าจะเป็นหนึ่งในโมเดลทางรอด ต่อยอดจากคอนเทนต์ที่มีอยู่สร้างให้เกิดรายได้อย่างชัดเจน
ประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลก และ Tencent ถือเป็นรายใหญ่ที่มีฐานผู้ชมจำนวนมาก ในไตรมาส 3 ของปี 2560 Tencent Video มียอดผู้เข้าชมคอนเทนต์เป็นประจำต่อเดือนมากกว่า 457 ล้านคน และยอดสมาชิก 43 ล้านราย เป็นตัวเลขที่เติบโตเร็วมาก เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าของปีที่แล้ว
ช่อง 3 ได้รับผลกระทบการแข่งขันที่รุนแรงในวงการทีวีดิจิทัล จากคู่แข่งรายใหม่ๆ ชิงเรตติ้งและรายได้จากการโฆษณาไป นักวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ที่กำลังจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เร็วๆ นี้ น่าจะออกมาขาดทุน หลังจากที่ 3 ไตรมาสของปี 2560 มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,103 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 396 ล้านบาท แต่ก็ยังพอให้มีกำไรบ้างเล็กน้อยสำหรับผลประกอบการรวมทั้งปี 2560 ในระดับประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งน้อยที่สุดนับตั้งแต่มีทีวีดิจิทัล
เมื่อปี 2557 ปีแรกที่มีทีวีดิจิทัล ช่อง 3 มีรายได้รวม 16,381 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,414 ล้านบาท, ปี 2558 มีรายได้ 16,017 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,982 ล้านบาท และในปี 2559 มีรายได้ 12,534 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,218 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาของนีลเส็น แสดงให้เห็นแล้วว่า ตัวเลขรายได้โฆษณาของช่องทีวีรายเดิม 3 ช่องรวมกัน คือ ช่อง 7, ช่อง 3 และช่อง 9 มียอดรวมกันอยู่ที่ 2,726 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้วที่อยู่ที่ 3,477 ล้านบาท หรือลดลง 21.60% ในขณะที่ช่องทีวีดิจิทัลใหม่ทุกช่องรวมกันมีรายได้โฆษณารวม 1,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,582 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.14%
แม้ตัวเลขของช่องใหม่ๆ ยังมีจำนวนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 3 ช่องเดิม แต่แนวโน้มทิศทางรายได้กำลังสวนทางกัน ช่องใหม่รายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ช่องหลักเดิมรายได้ลดลงเรื่อยๆ
ปัจจุบัน ช่อง 3 นำคอนเทนต์ลงในแพลตฟอร์มวิดีโอ ออนไลน์หลายช่องทาง ทั้งแพลตฟอร์มของช่อง 3 เอง และการจับมือร่วมกับพันธมิตร เพื่อขยายฐานคนดูไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่นิยมดูผ่านออนไลน์มากกว่าดูจากหน้าจอหลัก
แพลตฟอร์มออนไลน์คอนเทนต์ ของช่อง 3
- เว็บไซต์ CH3Thailand มีละคร ข่าว รายการต่างๆ ออกอากาศต่อจากทีวีช่วงหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป
- Mello แอปพลิเคชั่น ของช่อง 3 ออนแอร์ทั้งรายการของช่อง 3 และรายการที่ Mellow ผลิตเอง จะนำรายการมาออกอากาศหลังเที่ยงคืน
- YouTube รีรันหลังรายการจบ 48 ชั่วโมง เฉพาะรายการที่มีข้อตกลงกัน
- LINE TV รีรันหลังการรายการจบ 48 YouTube แต่ช่อง 3 จะร่วมกับไลน์ทีวี ออกแพ็กเกจโฆษณาขายร่วมกัน
- ร่วมกับ Tencent