แบรนด์ดังกับ facebook

โฆษณาบน facebook แบบตรงไปตรงมาก็คือ สร้างโฆษณาของตัวเองผ่านฟังก์ชันของ facebook หรือจัดสรรโฆษณาที่มีอยู่แล้ว สามารถเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) ได้ โดยเลือกจากโลเกชั่น (ประเทศ เขต เมือง) และอายุ โดยการสร้างโฆษณานั้นจะเป็นในรูปแบบของข้อความและรูปภาพ

ส่วนแบบที่ลึกล้ำกว่านั้นคือการพยายามสร้าง Engagement Ad ผ่านทางฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ของ facebook ปัจจุบันมีมากกว่า 150 แบรนด์ที่เลือกใช้ facebook เป็นช่องทางในการสื่อสารการตลาด เช่น Ernst & Young ใช้ในการสรรหาพนักงาน Intel เป็นสปอนเซอร์ ในส่วนของ facebook Developers Garage Program ซึ่งเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ Applications เป็นต้น
POSITIONING คัดสรรกรณีศึกษาเด็ดๆ เกี่ยวกับ Big brand และ facebook ที่ประสบผลสำเร็จมาฝากกัน

Applications ทิ้งทุ่นเพื่อน แต่ได้กิน Whopper ฟรี

Whopper Sacrifire เป็น Applications ของ Burger King ใน facebook ที่จัดเป็นกรณีศึกษาการใช้ พลัง Social Media ของ facebook ให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้ง Creative และ Aggressive โดยบังคับให้ผู้ใช้งานต้อง “เสียสละ” เพื่อนๆ ที่มีอยู่ออกไป 10รายชื่อเพื่อให้ได้คูปองที่นำไปแลก Whopper ฟรี

โดยต้นปีที่ผ่านมามีผู้ใช้งาน 82,000 คนทั่วโลก และมีคนที่ถูกทิ้งทุ่นไปแล้ว 230,000 คน

งานนี้เรียกได้ว่าต่างคนต่างแอดแหลก และทิ้งแหลกเหมือนกัน

FedEx ส่ง Virtual Gift สื่อถึงความรวดเร็วของการบริการ

เพียงสัปดาห์เศษก็มีคนดาวน์โหลด Applications จาก launchapackage.comของ FedEx กว่า 270,000 คน เพื่อใช้ในการส่ง Virtual Gift ที่อยู่ในรูปแบบกล่องบรรจุของ FedEx ด้วย Sound Effect ที่น่าสนใจ และของขวัญเสมือนจริงหลากหลายแบบที่ส่งถึงเพื่อนๆ ทำให้ launchapackage บูมใน facebook ได้ไม่ยาก

วิธีการนี้นอกจากจะสื่อถึงคุณสมบัติด้านการบริการของแบรนด์แล้ว ยังทำให้ผู้ใช้งานเกิดความใกล้ชิดกับแบรนด์โดยไม่รู้สึกปฏิเสธทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเครื่องมือการตลาดของแบรนด์

Fan Pages

เป็นวิธีการโปรโมตแบรนด์ยอดนิยมใน facebook และทำได้ง่าย เราจะเห็นแบรนด์หลากหลาย หน่วยงาน องค์กร อุตสาหกรรม ตลอดจนบุคคลในส่วนนี้ ดังนั้น facebook จึงไม่ใช่เครื่องมือการตลาดสำหรับโปรโมต กระตุ้นยอดขายหรือสร้างสัมพันธ์กับแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์เท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวม และการสร้างกระแสนิยมในตัวบุคคลได้ด้วย

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้Fan Pages ประสบความสำเร็จ คือ ควรเป็นส่วนที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคหรือแฟนของแบรนด์นั้นๆ ได้มีโอกาสซักถามปัญหาต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับแบรนด์หรือสินค้า หรือเป็นพื้นที่ในการพูดคุยระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ไม่ใช่พื้นที่ขายของของแบรนด์

ส่วนของ Fan Pages สามารถเรียกดูได้จาก www.facebook.com/pages/?browse(มีภาษาไทย) แบ่งเป็น 16 กลุ่ม คือ สถานที่ สินค้า อาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้า ร้านอาหาร บาร์และคลับ องค์กร นักการเมือง หน่วยงานไม่แสวงผลกำไร รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ เกม นักกีฬา บุคคลในสังคม / ผู้มีชื่อเสียง ดนตรี และเว็บไซต์

ในอีกด้านหนึ่งของโลก facebook แบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลกรวมทั้งแบรนด์ไทย ต่างกำลังพยายามเข้าเป็นสมาชิกเพื่อให้เข้าถึง “คนที่มีกำลังซื้อ” ในที่แห่งนี้ facebook กำลังเป็น “สื่อ” ใหม่ที่มาแรง ที่นักการตลาดพยายามเข้าหา และเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็หวังไว้มาก แต่จะทำอย่างไรให้ได้ผลและแนบเนียน คือโจทย์ที่ท้าทายสำหรับนักการตลาด

Top 10 แบรนด์ที่มีแฟนคลับมากที่สุด

ชื่อ กลุ่ม จำนวนแฟน (คน)
1. Barack Obama นักการเมือง 5,687,947
2. Coca-Cola อาหารและเครื่องดื่ม 3,070,739
3. Nutella (เนยถั่ว) อาหารและเครื่องดื่ม 2,853,084
4. Pizza อาหารและเครื่องดื่ม 2,779,407
5. DR. HOUSE นักแสดง 2,582,219
6. Pringles อาหารและเครื่องดื่ม 2,582,132
7. Christiano Ronaldo นักกีฬา 2,510,667
8. Kinder Surprise อาหารและเครื่องดื่ม 2,414,554
9. Window Live Messenger เว็บไซต์ 2,327,128
10. facebook เว็บไซต์ 2,297,021

ที่มา facebook ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552

คลิกที่เข้าถึง One to One ของ TARAD DOT COM

เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ที่ “ภาวุธ พงษ์วิทยาภานุ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท TARAD DOT COM ทดสอบใช้ facebook หลังจากที่เขาได้ใช้ hi 5 มาก่อนหน้านี้ เป็นสื่อเพื่อสร้างตัวตน TARAD DOT COM

ที่ facebook เป็นสื่อใหม่ที่ตรงกับเป้าหมายของเขามากขึ้น เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ โดยใช้ 2 รูปแบบ รูปแบบแรกคือการโฆษณาอย่างตรงไปตรงมา เป็นแบนเนอร์ด้านซ้ายมือของหน้า facebook และรูปแบบที่ 2 คือการใช้อย่างเนียนๆ สำหรับโปรโมตสินค้าที่มีอยู่ตั้งแต่การสร้างเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ การจัดสัมมนา การแนะนำหนังสือที่เน้นความรู้การใช้ประโยชน์จากไอที ให้เป็นที่รู้จักใน facebook มากขึ้น ซึ่งเทคนิคการแนะนำ ไม่ใช่การนำเสนออย่างไร้สีสัน แต่ต้องคิดถ้อยคำที่ดึงความสนใจได้ด้วย อย่างคำว่า “เคยมีเพื่อนซื่อบื้อไหม?….”

2 สัปดาห์แรก แบนเนอร์โปรโมชั่นผลิตภัณฑ์ของ TARAD DOT COM ปรากฏขึ้น 4.5 แสนครั้ง มีคนคลิกดู 300-400 คน โดยที่ “ภาวุธ” มีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 10 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งเขาบอกว่าน่าพอใจอย่างยิ่ง กับต้นทุนเพียงเท่านี้ เพราะการใช้สื่อผ่าน facebook ถือว่าเป็นการทำตลาดแบบ One to One ได้อย่างแท้จริง เพราะการเลือกให้แบนเนอร์ปรากฏนั้นสามารถตกลงกับ facebook ได้ว่าต้องการให้ปรากฏใน Segment ใดมากที่สุด รวมไปถึงสามารถระบุกลุ่มคน เพศ ช่วงอายุ และเวลาใดมากที่สุด

สำหรับรูปแบบที่ 2 นั้น “ภาวุธ” เน้นการสร้างตัวตนให้คนรู้จัก ด้วยรูปแบบการใส่ Applications ให้คนเข้าไปคลิกแนะนำหนังสือที่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปถึงเพื่อน ซึ่งเพียงไม่กี่วัน ก็มีคนคลิกเข้ามาเป็น Fan ทั้งที่ยังไม่มีการโปรโมต นอกจากนี้เขายังสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบคลิปวิดีโอเป็น VDO Marketing ที่ “ภาวุธ” ไปบรรยายในที่ต่างๆ เพื่อให้คนที่สนใจคลิกดู นอกเหนือไปจากบางครั้งเขาส่ง Virtual Gift ไปถึงกลุ่มเป้าหมายในเครือข่าย เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีให้ต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดโยงมาสู่ชื่อของ TARAD DOT COM ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ณ วันนี้กับการเริ่มทดลองใช้ facebook เป็นสื่อ “ภาวุธ” บอกว่ายังวัดยอดขายไม่ได้ แต่สำหรับการสร้าง Awareness ถือว่าทำได้ผลอย่างน่าพอใจ

จุดเริ่มสร้างแบรนด์ “จีเอสเอ็ม” ในกลุ่มพนักงาน

ในกลุ่มพนักงาน “เอไอเอส” ใช้เครือข่าย facebook เป็นช่องทางในการสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนในเครือข่าย โดยชาวเอไอเอสหลายคนได้โพสต์คลิปโฆษณา “สมาร์ทไลฟ์” ในแคมเปญรีเฟรชแบรนด์ “จีเอสเอ็ม” เพื่อให้เพื่อนๆ ลองคลิกดู

เป็นการชิมลางใช้ facebook อย่างดีสำหรับธุรกิจ แม้จะเริ่มต้นจากลุ่มพนักงานด้วยกันเอง แต่ก็ถือว่ามีพลัง หากพนักงาน “อิน” กับความเคลื่อนไหวขององค์กรตัวเอง ก็สามารถส่งต่อไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ เพราะนี่คือเทรนด์ โดย “อรุณภรณ์ ลิ่มสกุล” ผู้อำนวยการฝ่ายการ สายงานการตลาด กลุ่มโพสต์เพด เอไอเอส บอกว่า กำลังพิจารณาว่าเครือข่าย Social Networking อย่าง facebook จะนำมาใช้เป็นสื่อในกระบวนการทำตลาดให้จีเอสเอ็มได้อย่างไรบ้าง แม้จะยังไม่ได้ทำแผนชัดเจน แต่ก็ไม่อาจมองข้ามไปได้

นี่คือขั้นต่อไปสำหรับเอไอเอส เพราะก่อนหน้านี้เอไอเอสใช้สื่อดิจิตอลมาแล้วหลายรูปแบบ ตั้งแต่ยุค Web1.0 ทั้งการซื้อแบนเนอร์พื้นที่โฆษณา ไปจนถึงการเข้าในกลุ่มบล็อกเกอร์ เว็บมาสเตอร์ เพื่อสื่อสารถึงแบรนด์และโปรดักส์ของเอไอเอสให้แนบเนียนมากยิ่งขึ้น

“ช้าง-เฟดเดอบรอย” ส่งดริ้งก์

ค่ายช้างถือว่าการกำลังบุกหนักใน facebook ด้วยการสร้างแบรนด์ผ่านทั้ง Applications การดาวน์โหลดดูข้อมูลเกี่ยวกับ “เบียร์ช้าง” และแบรนด์ลูกอย่าง “เฟดเดอบรอย”

“กระหาย” อยู่ใช่ไหม ? อยากดื่มเบียร์เย็นๆ ไหม หรือ Chang Beer is the best Thai’s beer. ข้อความแสดงตนชัดเจน “เบียร์ช้าง” ที่เชื้อเชิญให้ทั้งคนไทยและต่างชาติดาวน์โหลด Applications เพียงไม่กี่วันที่เปิดตัวหน้านี้ออกไปก็มีแฟนและมีคนดูถึง 42 คนแล้ว ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรสำหรับสมาชิกใหม่ในเครือข่ายนี้

สำหรับ “เฟดเดอบรอย” เพิ่งเริ่มต้น ด้วยการใช้สัญลักษณ์ที่สวยงามของ “ขนนก” และ “ขวดเบียร์” เป็น Virtual Gift ให้ชาว facebook ส่งถึงกัน

นี่คือสื่ออีกช่องทางหนึ่งที่ค่ายน้ำแอลกอฮอล์ต่างกำลังเล็งถึง เพื่อให้มีทางเลือกมากขึ้น หลังจากถูกข้อจำกัดในการเผยแพร่โฆษณาผ่านสื่อหลักมาแล้ว

งานที่ดีที่สุดในโลก โปรโมตท่องเที่ยว

“The best job in the world” แคมเปญการท่องเที่ยวของรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย ใช้เครือข่าย facebook โปรโมตอย่างเนียนๆ และประหยัด เข้ากับยุคเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ

การคิดแคมเปญเริ่มต้นด้วยคอนเซ็ปต์ที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ชิงโชค ไม่ใช่ตอบคำถาม แต่คือการแข่งขัน เพื่อให้ได้ “The best job in the world” จนสามารถดึงความสนใจคนได้จำนวนมาก Job นี้ คือการหาคนทำงานเป็นผู้ดูแลเกรท แบรริเออร์ รีฟ (Island Caretaker on Australia’s Great Barrier Reef)

โดยผู้สนใจสมัครต้องส่งวิดีโอคลิปความยาวไม่เกิน 1 นาที พรีเซนต์ว่าเพราะเหตุใดตนเองจึงเหมาะสมได้งานนี้ที่สุด การโชว์ในคลิปต้องออกแนวสนุกสนาน อัพโหลดเข้าไปใน