นับเป็นการรวมตัวระหว่าง 3 ผู้ให้บริการอันดับ 1 ในประเทศ เอไอเอสที่มีฐานลูกค้ากว่า 40 ล้านราย Rabbit ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไมโครเพย์เมนต์ และ mass transit ที่มีผู้ใช้งานบัตรกว่า 8.5 ล้านราย และ LINE แอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 42 ล้านบัญชี เพื่อขึ้นเป็นผู้นำโมบายเพย์เมนต์ในไทย
ภายใต้ความร่วมมือ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ (mPAY) ซึ่งบริษัทลูกของ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด มหาชน หรือ เอไอเอส ได้ร่วมทุนกับ Rabbit LINE Pay (RLP) แพลตฟอร์ม e-money ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LINE
โดย บริษัท แอดวานซ์เอ็มเปย์ จำกัด จะเข้าไปร่วมทุนผ่านการซื้
- ความร่วมมือแรกที่จะเกิดขึ้น คือการเชื่อมต่อแอป my AIS มาใช้งานบน Rabbit LINE Pay
- เอไอเอส ย้ายฐานลูกค้าของ mPay มาเป็นฐานลูกค้าของ Rabbit LINE Pay โดยที่ยังสามารถเข้าถึงระบบชำระค่าบริการต่างๆของ mPay กว่า 200 รายการได้เหมือนเดิม
- Rabbit LINE Pay จะเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินบนมือถือบนแอป my AIS
- ตั้งแต่นี้ไปการชำระเงินของลูกค้าระบบเติมเงิน ลูกค้าระบบรายเดือน ลูกค้า
เอไอเอส ไฟเบอร์ ค่าบัตรเครดิต ค่าสาธารณูปโภค รวมกว่า 200 รายการ จะจ่ายผ่านช่องทาง Rabbit LINE Pay - การชำระบิลต่างๆ ผ่านทาง Rabbit LINE Pay ผู้ใช้ไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครคิตหรือบัตรเดบิต
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่าที่ผ่านมาเอไอเอสเชื่อมั่นในอีโคซิสเต็มส์ในการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่แข็งแรง เพื่อนำบริการมาให้แก่ผู้บริโภค ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการรวมกลุ่มอีโคซิสเต็มส์ของผู้ให้บริการโมบายมันนี่ที่แข็งแรงมาก
‘ที่ผ่านมาเอ็มเปย์ถือเป็นผู้ให้บริการโมบายเพย์เมนต์รายเดียวในประเทศไทยที่ทำธุรกิจแล้วมีกำไรอยู่ จากประสบการณ์ในตลาดกว่า 10 ปี แต่มาในวันนี้การเป็นเพียงเฉพาะผู้ให้บริการเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป เอ็มเปย์จึงขยับตัวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มในการให้บริการโมบายเพย์เมนต์แทน‘
ทำให้หลังจากร่วมทุนแล้วจะเป็นการรวมตัวกันของ 3 บริษัทที่ถือเป็นผู้นำในตลาดอย่างเอไอเอส ที่เป็นผู้นำในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานมีจำนวนฐานลูกค้ามากกว่า 40 ล้านราย ในขณะที่แรบบิทเป็นผู้ให้บริการชำระเงินในระบบไมโครเพย์เมนต์อันดับ 1 ในกรุงเทพฯ ที่มีผู้ใช้งานบัตรแรบบิทกว่า 8.5 ล้านรายและ LINE แชทแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้มากกว่า 42 ล้านราย
อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ จะผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้จริง ทั้งการเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ใช้ชำระค่าบริการต่างๆในชีวิตประจำวันที่ในอนาคตจะมีโปรโมชั่นพิเศษให้ผู้ใช้ได้ลอง
ในส่วนของช่องทางเติมเงินเข้าในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ จากเดิมที่ต้องใช้ผ่านการโอนเงินจากบัญชีธนาคาร หรือช่องทางชำระเงินเฉพาะ แต่ในอนาคตลูกค้า AIS สามารถใช้ช่องทางศูนย์บริการเอไอเอสเทเลวิซและร้านตู้เติมเงินทั่วประเทศกว่า 2 แสนจุดในการเติมเงินได้
ปัจจุบัน Rabbit LINE Pay มีผู้เข้ามาลงทะเบียนใช้งานราว 3 ล้านบัญชี มีการใช้งานสูงสุดต่อวันอยู่ที่ 1.5 ล้านครั้ง โดยในเดือนมิถุนายนผู้ใช้งาน Rabbit LINE Pay จะสามารถใช้ชำระค่าบริการรถไฟฟ้า BTS ได้.