วาทะแจ็ค หม่า พูดยังไงให้ได้ใจคนไทย

ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ สำหรับแจ็ค หม่า (Jack Ma) หรือ หม่า หยุน ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซ จากประเทศจีน เดินทางมาไทยเพื่อเซ็น MOU กับรัฐบาลไทย ในบิ๊กโปรเจกต์ อย่าง Smart Digital Hub ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมไปถึงการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยให้ค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซ และเปิดโรงเรียนอาลีบาบาเพื่อสร้างคนป้อนงาน

ลองมาฟังวาทะ แจ็ค หม่า ที่พูดไว้ในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ของไทยกับบริษัทในเครืออาลีบาบา กรุ๊ปเพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีขึ้นเมื่อวาน (19 เมษายน 2561) ซึ่งนอกจากสาระสำคัญของโครงการที่พูดถึงกันใน 4-5 ประเด็นหลักแล้ว แจ็ค หม่ายังไม่ลืมที่จะพูดถึงทุกจุดเด่นของประเทศไทยในเวลาสั้นๆ นี้ด้วย

ฟังแล้วจะรู้ว่า ทำการใหญ่คำพูดสำคัญ เพราะสิ่งที่แจ็ค หม่าพูดในบนเวทีในครั้งนี้ไม่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยพูดไว้เมื่อครั้งมาปาฐกถาในหัวข้อ Talk by Mr. Jack Ma on “Global Trade Revolution : Building a New e-Trade Platform for SMEs” เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2558 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีไทยจะไปเยือนอาลีบาบาถึงเมืองหังโจวหลังจากนั้น และเริ่มพูดคุยกันก่อนที่จะเกิดการลงนามในความร่วมมือครั้งนี้

ความร่วมมือที่แจ็ค หม่าบอกว่าทีมงานอาลีบาบาให้ความสำคัญมากกับโครงการนี้ และมีทีมทำงานอย่างจริงจนเห็นเป็นรูปธรรมในเวลาอันรวดเร็วอีกทั้งอาลีบาบายังได้ดำเนินงานในแนวทางการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยให้เข้าสู่โลกการค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซด้วยการอบรมผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซผ่านลาซาด้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักของอาลีบาบาในไทยแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

นอกจากแจ็ค หม่าพูดย้ำเรื่องเดิม แต่ละประเด็นยังสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจคนไทยและประเทศไทย รวมทั้งพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลไทยจากการศึกษาข้อมูลและทำการบ้านมาแล้วอย่างดี

มาฟังกันดูว่าแจ็ค หม่าพูดอะไรที่มีผลต่อจิตใจคนไทยบ้าง นอกเนื่องจากพูดเรื่องความสำคัญของโครงการที่จะมาลงทุนเขาพูดถึงอะไรบ้างในช่วงเวลาสั้นๆ บนเวที

เขามีความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือนี้จะเกิดขึ้นจริงตั้งแต่ปีที่แล้วที่เขาได้พูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรี (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ตอนไปเยือนหังโจวเพื่อเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา แล้วได้พูดคุยถึงความต้องการที่รัฐบาลไทยต้องการความช่วยเหลือในการเพิ่มทักษะและยกระดับเกษตรกร และเอสเอ็มอี

จากการพูดคุยทำให้เขาเห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลและคนไทย ที่ให้ความสำคัญต่อเกษตรกรอย่างมาก รวมทั้งขอบคุณทุกคนที่ให้ความไว้วางใจอาลีบาบา จนทำให้เกิดความร่วมมือครั้งนี้ขึ้น

นอกจากมีโอกาสได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนไปประชุมจี 20 ที่หังโจว และมีโอกาสได้พบปะเพื่อพารองนายกสมคิดเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่อาลีบาบาเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้เขามีความรู้สึกคุ้นเคยกับประเทศไทยทุกครั้งที่มีโอกาสมาเยือน ถึงขั้นทำให้ไม่รู้สึกว่าการมาเมืองไทยแต่ละครั้งเป็นการมาทำงาน (แม้จะเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนและนักธุรกิจจับตาความเคลื่อนไหว)

โดยกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ถือว่าเขามีโอกาสมาเยือนบ่อย อีกทั้งยังเป็นประเทศที่คนจีนที่เดินออกนอกประเทศครั้งแรกเลือกเดินทางไปเยือน

สิ่งที่ประทับใจเวลามาเยือนประเทศไทย คือ รอยยิ้มของคนไทย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในโลกของไทย ถึงกับคิดว่า อยากจะทำให้เอกลักษณ์นี้กลับไปใช้ให้เกิดเป็นAlibaba Smileได้บ้าง (สอดคล้องกับการทำธุรกิจของอาลีบาบา ที่แจ็ค หม่า เคยกล่าวว่า เน้นเรื่องบริการมากกว่าการขายซึ่งจะเป็นผลพลอยได้ที่ดีจากบริการที่ดีนั่นเอง)

เขาบอกว่า ชื่นชอบที่ประเทศไทยมีทิวทัศน์ แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และมีวัฒนธรรมที่ดี ซึ่งน้อยมากที่จะเห็นว่ามีประเทศไหนในโลกที่มีสิ่งดี ๆ แบบนี้รวมกันเหมือนดังสวรรค์

โดยส่วนตัวเขาบอกว่า ชอบผลไม้และหลาย ๆ อย่างในไทย และหวังที่จะเข้ามาช่วยเกษตรกรไทยในการส่งออกสินค้าไปสู่ตลาดจีนและโลก

สิ่งที่เขาชื่นชอบไม่ต่างจากสิ่งที่คนจีนชื่นชอบ คือเรื่อง ผู้คน ความสวยงามของสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงผลไม้หลากหลายของไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ซึ่งล้วนเป็นจุดเด่นของเมืองไทย ที่จะสามารถขยายส่งไปยังตลาดจีนได้เพิ่มขึ้นภายใต้โครงการต่าง ๆ ที่อาลีบาบาเข้ามาดำเนินงานในไทย

เขาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ทำให้โครงการนี้เป็นไปได้จริง จากความเห็นพ้องกันของทั้งสองฝ่าย โดยเขาใช้เวลาเพียง 8 เดือนกว่า ก่อนจะสรุปโครงการที่เกิดขึ้นในวันนี้นับจากที่มีโอกาสมาเยือนไทยเมื่อปีที่แล้ว

ทีมงานของอาลีบาบาทำงานอย่างขันแข็ง จากการที่เขาบอกกับทีมว่า รัฐบาลไทยมีความจริงใจ และบอกว่าอาลีบาบาเองก็มีความจริงใจและตั้งใจที่จะทำเพื่อประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ให้ความสำคัญแค่เรื่องของสินค้าเท่านั้น แต่จะเน้นพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี รวมถึงคนรุ่นใหม่ ในการเพิ่มทักษะด้านการค้าดิจิทัลเพื่อความสำเร็จในอนาคต

โดยเขาเชื่อว่า การทำให้คนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จก็คือความสำเร็จของประเทศ ที่จะทำให้เดินไปข้างหน้าได้อีกไกล เพราะฉะนั้น เป้าหมายสำคัญคือเพื่อคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่โปรดักต์ไทยที่จะออกไปสู่ตลาดโลกเท่านั้น

เมื่อคนกลุ่มนี้เติบโต สิ่งที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากอินเทอร์เน็ต ก็คือ ที่ผ่านมาจากการค้าขายแบบ B2C ในอนาคตจะเปลี่ยนเป็น C2B ที่เกษตรกรและเอสเอ็มอีสามารถค้าขายโดยตรงสู่ตลาด หรือค้าขายกับบริษัทใหญ่ได้ด้วยตัวเอง

ที่สำคัญ เงินซื้ออาลีบาบาไม่ได้ สิ่งที่อาลีบาบามองหา คือประเทศที่เปิดกว้าง เชื่อในเทคโนโลยีและอนาคต เชื่อในการค้าเสรี และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเชื่อว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลไทยจะเป็นส่วนสนับสนุบความสำเร็จที่ดีให้กับโครงการ

วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะไม่ทำให้คนไทยผิดหวังและภูมิใจที่จะร่วมมือ เราเลือกไทยเพราะเคมีตรงกัน ไทยต่างจากประเทศอื่นและมาเลเซียที่มีทั้งทรัพยากรการเกษตรการท่องเที่ยวและนโยบายจากรัฐที่ส่งเสริม ขณะที่มาเลเซียเองก็ต่างจากไทยที่เป็นจุดนำร่องในเรื่องของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไปก่อนแล้ว

สำหรับความกังวลเรื่องที่มีคนบางส่วนกลัวกันว่าอาลีบาบาจะเข้ามาผูกขาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยจากความร่วมมือครั้งนี้ แจ็ค หม่า บอกว่า ขอให้ลืมไปได้เลย เพราะไม่ต้องการทำธุรกิจเพื่อแสวงหากำไร แต่เน้นการสร้างความสามารถให้ธุรกิจและคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งก็ใช้นโยบายเช่นนี้ร่วมกับรัฐบาลจีนมาแล้ว

พร้อมกับยืนยันว่าไม่ชอบสงครามทางการค้า เพราะเชื่อในการค้าเสรีและจะสามารถเจรจาได้ และการค้าจะทำให้แก้ไขปัญหาการเมืองได้ การทำธุรกิจนั้นตลอด 19 ปี มีคนกังขาแต่ไม่ได้สนใจ เชื่อและคิดว่าโลกในอนาคตจะก้าวสู่อิเล็กทรอนิกส์ เวิลด์เทรด แพลตฟอร์ม (eWTP) ดังนั้น การทำธุรกิจต้อง Win-Win-Win คือ ลูกค้า ผู้ผลิตสินค้าเครือข่าย และตัวเองต้องเกิดประโยชน์ร่วมกัน

เพราะท้ายที่สุดภายใต้ความยิ่งใหญ่ของอาลีบาบา การจะเติบโตไปได้อย่างมั่นคงยั่งยืนต้องประกอบด้วยธุรกิจรายย่อยที่สานถักทอกันจนเป็นโครงสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง.