ยังคงสร้างปรากฏการณ์ทางการตลาดไม่รู้จบสำหรับพลังของละครแห่งชาติ “บุพเพสันนิวาส” ที่ถึงแม้ละครจะอวสานไปแล้ว แต่บรรดาแบรนด์ดังยังคงติดอกติดใจนำกลยุทธ์ “ออเจ้ามาร์เก็ตติ้ง” มาใช้
เป็นละครที่แรงข้ามภพไม่พอ ยังแรงข้ามค่าย เพราะค่ายมือถือทั้ง “เอไอเอส” และ “ทรู” ต่างดึงพระนางไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่หลังจบละครสิ่งที่เห็นทั้ง 2 ค่ายเกาะกระแสความฮอตของละคร คือปล่อย “คอนเทนต์” และ “โฆษณา” มาเรียกเรตติ้งให้แบรนด์เป็นว่าเล่น โดยเอไอเอสนอกจากเป็นเสือปืนไว หรือ Real Time Marketing คว้า “เบลล่า ราณี” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ยังออกหมัดรัว ใช้กลยุทธ์ Co-Creator ร่วมมือกับช่อง 3 และบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ผู้ผลิตละครบุพเพสันนิวาส ผลิคคลิปโฆษณาตอนพิเศษฉายบน “ออนไลน์”
โดยคลิปตอนพิเศษก็ไม่ได้มีแค่ตอนเดียว แต่ออกมาเยอะมาก เช่น “บุพเพสันนิวาส…ฟินเฟ่อร์” ฉากไฮไลต์ที่แม่การะเกดนางเอกสั่งหมูกระทะมากิน ซึ่งแบรนด์ต้องการสื่อความแรงของสัญญาณมือถือข้ามภพข้ามชาติในฐานะ “เจ้าตลาด” โดยเดือนเดียวมีผู้ชมคลิปมากกว่า 4 ล้านวิว หรือ “บุพเพสันนิวาส…คิวท์บอย แรปโย่ว โอ้วว้าว” ที่โปรโมตเครือข่ายอินเตอร์แบบสุดๆ และยอดวิวของคลิปนี้ขึ้นไปถึง 2 ล้านวิว ใน 2 สัปดาห์ เรียกว่ายอดไลก์ ยอดแชร์ และคอมเมนต์ทะลุหลักหมื่น หลักพัน ได้ Engagement กับแบรนด์ไปเต็มๆ
ฝั่งทรู ที่ได้ตัว “พระเอก โป๊ป ธนวรรธน์” ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็เริ่มฉากใหม่หลังละครจบ ด้วยการออนแอร์โฆษณายึดช่วงนาทีทอง “ไพรม์ไทม์” ของทุกช่อง เมื่อขุนโป๊ปเชิญชวนให้ร้านค้ายุคใหม่มา “ฝากร้าน” ได้ที่ แอปพลิเคชั่น “True Merchant 4.0” หรือ “ทรูเถ้าแก่ 4.0” นับเป็นการดึงหนุ่มโป๊ปเป็นแม่เหล็กเรียกร้านค้ามาเป็นพันธมิตรเพื่อค้าขายบนโลกออนไลน์ให้เยอะๆ
หลัง TrueYou ปล่อยวิดีโอออกมากว่า 1 สัปดาห์ ผลตอบรับล้นหลามมาก เพราะโกยยอดวิวทะลุ 5.9 ล้านไปแล้ว ยอดไลก์อีกเป็นแสน! ยอดแชร์หลักหมื่น เรียกว่า พลังของขุนโป๊ป ทำให้ติ่ง แฟนคลับเข้ามาตรึม แถมถามไถ่การดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นอีกมากมาย
ผลลัพธ์ดีขนาดนี้ แบรนด์ไหนจะยอมพลาดตกกระแสล่ะ!
หนึ่งในแบรนด์แรกๆ ที่ทำ Real Time Marketing ชิงขาย “มะม่วงน้ำปลาหวาน” ตีคู่ฉากในละครคือร้านสะดวกซื้อเบอร์ 1 อย่าง “เซเว่น อีเลฟเว่น” แต่หลังละครจบ เซเว่นฯ ก็ไม่จบ เพราะหยิบยกพระ-นาง ทั้งพี่หมื่นและแม่การะเกดมาต่อยอดคอนเทนต์ “บุพเพเมนูแซ่บ” ตอกย้ำบทบาทร้าน “อิ่มสะดวก” เพราะทุกฉากในคอนเทนต์มีการหยิบเมนูทั้งคาวและหวานมาโปรโมตเต็มๆ สอดคล้องกับสัดส่วนของสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นที่เป็นหมวดอาหารและเครื่องดื่มมากถึง 70%
ยิ่งกว่านั้น ยังยกร้านสะดวกซื้อไปอยู่ข้ามภพเลยทีเดียว สะท้อนให้ผู้บริโภคเห็นว่า จะอยู่ในตรอก ซอกซอยไหน ก็เจอร้านเซเว่น อีเลฟเว่นได้หมด เพราะปัจจุบันมีร้านมากกว่า 1 หมื่นแห่ง และมีลูกค้าใช้บริการเฉลี่ยมากกว่า 11ล้านคนต่อวัน
นอกจากพลังของละครแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ทำให้หลังคลิปปล่อยออกมาเพียง 2 วัน โกยยอดวิวทะลุ 4.9 ล้านวิวแล้ว ยอดไลก์อีกเกือบ 3 แสนไลก์ ยอดแชร์ก็พุ่งปรี๊ดเกิน 3.5 หมื่นครั้งแล้ว
เห็นเงียบๆ แต่ก็จัดเต็มเหมือนกัน สำหรับเครื่องสำอางแบรนด์ไทย “มิสทิน” ที่ปล่อยแคมเปญบุพเพสันนิวาส ตอน “มิสทินสันนิวาส น้ำลดตอผุด สุดพิเศษ” ที่นอกจากจะตอกย้ำไก่งามเพราะขน คนงามพราะแต่ง (หน้า) มุ่งขายเครื่องสำอาง โดยเน้นไปที่อายไลเนอร์ ซึ่งกำลังมีโปรโมชั่นอยู่พอดี นี่ยังเป็นการเผยให้รู้ว่า “เบลล่า ราณี” คือพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของมิสทิน ซึ่งเป็น “จุดแข็ง” ของแบรนด์ที่ดึงดาราตัว “ท็อปลิสต์” มาเป็นตัวแทนของแบรนด์จำนวนมาก
นอกจากนี้ มิสทิน ยังใช้จังหวะดังกล่าว ชูเอกลักษณ์การขายสินค้าผ่าน “สาวมิสทิน” กับประโยคฮิต “มิสทินมาแล้วค่ะ” เพื่อโกยให้คนสนใจมาเป็นตัวแทนการทำตลาดแบบตรงหรือขายตรง
นี่เป็นส่วนหนึ่งของพลัง Content is King อย่างละครบุพเพสันนิวาส ที่แม้ละครลาจอจบไปแล้ว แต่การตลาดไม่จบ ได้เห็นการออกสตาร์ท “ต่อยอด” คอนเทนต์ที่ทรงพลัง เพื่อตอบโจทย์สาวกและกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
ส่วนแบรนด์ไหนได้ Engagement ได้พลังการบอกหรือแชร์ต่อ ขึ้นอยู่กับการทำคอนเทนต์ได้โดนใจ ตรง Insight ของผู้บริโภค ส่วนยอดขายก็คงไปวัดกันที่หน้าเชลฟ์เหมือนเดิม!.