Delete Facebook ไร้ผล? Facebook คนใช้เพิ่ม รายได้โตเกือบ 50%

ไม่ว่าใครจะทำแคมเปญลบบัญชีใช้งานเฟซบุ๊ก (Facebook) แต่เครือข่ายสังคมอันดับ 1 ก็ยังเติบโตต่อไป ล่าสุดฐานผู้ใช้งานประจำทะลุ 2,200 ล้านรายต่อเดือน เพิ่มขึ้นมากกว่า 70 ล้านรายในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา

Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ประกาศสถิติล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้เข้าสู่ระบบ Facebook อย่างน้อยเดือนละครั้งเพิ่มขึ้นราว 13% เป็น 2,200 ล้านราย (สถิติ ณ วันที่ 31 มีนาคม) จุดที่น่าสนใจคือสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 13% ต่อปีนี้เท่ากับสัดส่วนผู้ใช้บริการทุกวัน ที่เพิ่มขึ้นอีก 13% เป็น 1,450 ล้านราย เทียบเท่า 66% ของผู้ใช้ Facebook ทุกเดือน

ตัวเลขผู้ใช้ทั้งรายวันและรายเดือนของ Facebook ล้วนสูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์วอลล์สตรีท แสดงว่า Facebook ยังเติบโตได้ดีในตลาดโลก แม้ว่าจะมีการรณรงค์ติดป้ายคำหรือแฮชแท็ก #Delete Facebook ก็ตาม

แต่ในตลาดทวีปอเมริกา Facebook เพิ่มผู้ใช้ได้เพียง 1 ล้านคนในสหรัฐฯ และแคนาดาช่วงไตรมาสที่ผ่านมา โดยสามารถฟื้นสถานการณ์ผู้ใช้ลดฮวบในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้ใช้ในอเมริกาเหนือหดตัวเป็นครั้งแรก

ประเด็นนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขที่ Facebook สรุปในไตรมาสที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีปมปัญหา Cambridge Analytica ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม (ราว 2 สัปดาห์ก่อนจบไตรมาส) คาดว่ารายงานในไตรมาสถัดไปอาจจะสะท้อนผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องการเติบโตและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้

*** เวลาใช้งาน Facebook น้อยลง

สำหรับประเด็นว่าการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของระบบส่งผลกระทบกับ Facebook อย่างไร คำตอบคือช่วงไตรมาสที่ผ่านมา Facebook ยอมรับว่าผู้คนใช้เวลาบน Facebook น้อยลงกว่า 50 ล้านชั่วโมง

หัวหน้าฝ่ายการเงิน เดวิด เวห์เนอร์ (David Wehner) ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่าชาว Facebook ใช้งานระบบน้อยลงในจุดใดบ้าง โดยบอกเพียงว่าบริษัทไม่ได้มีข้อมูลเฉพาะในเรื่องนี้ แต่ Facebook ได้เห็นการแชร์ต่อมากขึ้น และการรับชมวิดีโอแบบไร้ส่วนร่วมที่ลดลง

Wehner ชี้ว่ากฎระเบียบใหม่เรื่องความเป็นส่วนตัวของยุโรปที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ค.นี้ อาจทำให้การเติบโตของผู้ใช้งานรายวันและรายเดือนในยุโรปลดลงในไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งอาจทำให้รายได้จากการโฆษณาลดลงตามไปด้วย

ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า นักลงทุนจะเทขายหุ้น Facebook เพราะแนวโน้มเผชิญวิกฤติหลายด้าน โดยเฉพาะกรณีที่ซีอีโอ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) เคยกล่าวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ว่า Facebook จะเปลี่ยนอัลกอริธึมที่กำหนดเนื้อหาในฟีดข่าวของผู้ใช้ เพื่อสนับสนุนการอัปเดตจากเพื่อนและครอบครัวที่กระตุ้นให้เกิด “ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่มีความหมาย” มากกว่าวิดีโอและบทความข่าวที่ไม่ได้พูดถึงผู้คน ความคิดนี้ถือเป็นการจัดระเบียบให้ข่าวถูกลดบทบาทลง จุดนี้มาร์กรู้ดีว่าจำนวนเวลาใช้งาน Facebook จะลดลงอย่างมาก แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อให้ Facebook มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

ในภาพรวม รายได้ของ Facebook เพิ่มขึ้น 49% เป็น 11,970 ล้านเหรียญสหรัฐ เหนือกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 11,400 ล้านเหรียญ รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 63% เป็น 4,990 ล้านเหรียญ หรือ 1.69 เหรียญต่อหุ้นซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทำได้ 1.35 เหรียญ ทั้งหมดนี้ส่งให้หุ้น Facebook เพิ่มขึ้นทันที 7%

ขณะนี้ รายได้จากโฆษณาบนอุปกรณ์พกพา คิดเป็นสัดส่วนกว่า 91% ของรายได้โฆษณารวมทั้งหมดของบริษัท ถือเป็นตัวเลขที่เรียกความสนใจได้ล้นหลาม.

Source