หลังจากเปิดตัว Fitbit Ionic ตอนต้นปีไปได้ไม่นาน ฟิตบิต (Fitbit) ต้องขยับเอ็กเซอร์ไซส์ต่อเนื่อง บุกตลาดอีกระลอก เพื่อเติมเต็มและหาทางตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้นว่า เหตุผลอะไรที่ควรจะใช้ “สมาร์ทวอทช์” อย่างฟิตบิต
รอบนี้จึงต้องเปิดตัวจับตลาดที่กว้างขึ้น ด้วย Fitbit Versa สำหรับกลุ่มเฮลธ์คอนเซิร์น รักสุขภาพและชอบไปฟิตเนสและ Fitbit Ace สำหรับกลุ่มเด็ก ๆ ที่พ่อแม่ห่วงใยสุขภาพ และอยากเติมเต็มชีวิตแบบสมาร์ทดิจิทัลเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของชีวิตลูกรัก
ฟิตบิต เวอร์ซ่า (Fitbit Versa) ใช้ดีไซน์ใหม่ และสีสันให้เลือกทั้งแนวหวานและแบบมาตรฐานโดนสีดำ ทั้งหน้าปัดและสาย พร้อมฟีทเจอร์สำหรับการดูแลสุขภาพและการออกกำลังเพิ่มขึ้น รวมทั้งระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้นกว่า 4 วัน เช่น โหมดตอบกลับข้อความ(Quick Replies)เพื่อตอบสนองด้านเวิร์กไลฟ์ และการติดตามข้อมูลสุขภาพสำหรับลูกค้าผู้หญิง (Female Health Tracking)เรื่องของการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเรื่องประจำเดือน ดีไซน์หน้าปัดสีโรสโกลด์และสายสีหวาน รองรับกลุ่มสาว ๆ โดยเฉพาะ
หมัดสองที่ตามมาติด ๆ คือ การเปิดตัวรุ่นที่ต่ำลงกว่ารุ่น Iconic ราคาขายเรือนละ 8,490 บาท (Fitbit Ionic ราคา 11,690 บาท) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ฟิตบิต ไม่ได้หวังแค่ยอดขายที่มากขึ้น แต่ต้องการดึงลูกค้าจากแบรนด์คู่แข่งให้เปลี่ยนใจมาทดลองใช้ด้วยราคาที่จูงใจมากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้งานต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามานี้
ขณะที่ไฮไลต์ของฟิตบิต เอซ (Fitbit Ace) สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก เจาะกลุ่มครอบครัว เป็นโปรดักส์ที่ฟิตบิต พัมนาขึ้นด้วยความเชื่อว่า เด็กรุ่นใหม่สนใจเทคโนโลยีมากกว่าของเล่นทั่วไป จึงสร้างฟิตบิต เอซ มาตอบสนอง แต่เพิ่มการใช้งานสำหรับการดูแลเด็กในครอบครัวลงไป เช่น ระบบจีพีเอสเพื่อติดตามตัว ออกแบบให้กันน้ำเพื่อเหมาะกับการใช้งานของเด็กให้ใช้ติดตัวได้ตลอด
นับเป็นความพยายามที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของฟิตบิต กลายเป็นสินค้าที่แทรกเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของคนทุกกลุ่มได้อย่างกลมกลืน เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
อเล็กซานเดอร์ฮีลีย์ ผู้จัดการการตลาดบริหารด้านผลิตภัณฑ์เปิดเผยถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รอบนี้ว่า
“การกลับมาตีตลาดสุขภาพในไทยครั้งนี้ ถือว่าฟิตบิตเตรียมตัวมาอย่างดีมาก อย่างแรกคือ จับตลาดตลาดอยู่หลังจากที่เคยปล่อย ฟิตบิต ไอออนิค (Fitbit Ionic) เข้ามาสำรวจตลาดสุขภาพในไทย แล้วพบว่าคนไทยเริ่มสนใจสุขภาพกันมากขึ้น การหาตัวช่วยในเรื่องของสุขภาพเป็นสิ่งคนไทยต้องการและฟิตบิตก็พยายามเข้ามาตอบรับกับความต้องการนี้”
ขณะที่ หลุยส์ ลายย์ ผู้จัดการประจำประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผลิตภัณฑ์ฟิตบิท ก็มั่นใจว่า สถานการณ์ทั่วโลกที่มีเรื่องของโรคอ้วนมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเรื่องของผู้หญิงอย่างประจำเดือนที่สามารถต่อยอดไปยังโรคร้ายอีกหลายๆ โรคได้ ก็เป็นระบบที่ฟิตบิตเชื่อว่า สิ่งที่คิดมาจับต้องได้ และทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์จะเป็นที่ตอบรับของตลาดมากขึ้น
“อย่างที่บอกว่าฟิตบิตพยายามเข้ามาเป็นตัวช่วยในเรื่องของสุขภาพและชีวิตประจำวัน พร้อมค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในแต่ละบุคคลด้วย โดยฟิตบิตได้แสดงให้เห็นว่าได้ก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดแรกไปแล้ว นั่นก็คือการที่ฟิตบิตสามารถใช้ได้กับทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นเอนดรอยด์, IOS และวินโดวส์” หลุยส์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะออกรุ่นใหม่ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่จนถึงตอนนี้ ฟิตบิต ก็ยังไม่สามารถรองรับภาษาไทย ซึ่งผู้บริหารฟิตบิตยอมรับว่าระบบภาษาเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะภาษาไทย ซึ่งบริษัทอยากเปิดใช้งานเมื่อระบบพร้อมจริง ๆ กับเรื่องของระบบเพย์เมนท์ที่ใส่เข้ามาในเครื่องเป็นระบบ NFC ซึ่งเป็นคนละแนวโน้มกับการชำระเงินดิจิทัลในตลาดไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตด้วยการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดมากกว่า ทำให้ระบบนี้ในฟิตบิตมีความสำคัญต่อผู้ใช้ลดลงไปมาก
ทำไม Fitbit Ace เลือกเล่นกับเด็ก
แต่สำหรับระบบการใช้งานที่ตอบโจทย์เรื่องครอบครัว อาจจะเป็นส่วนเสริมที่สร้างแนวโน้มที่ดีต่อการทำตลาดของฟิตบิตได้บ้าง เพราะฟิตบิตเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่พยายามพัฒนาให้ทั้งครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมกับฟิตบิตได้ เช่น การแข่งกันการออกกำลังกาย โดยมีบัญชีฟิตบิตเป็นแบบรายครอบครัวเพื่อคอยอัพเดทสุขภาพของคนในครอบครัว ซึ่งสามารถแยกบัญชีกันได้ชัดเจน การติดตามตัวป้องกันเด็กพลัดหลง เป็นต้น และด้วยราคาที่จับต้องได้
นอกจากประเด็นที่พ่อแม่ทั้งหลายมักทุ่มเทให้ลูกได้ทั้งหมดแล้ว จากผลวิจัยพบว่า มีเด็กถึง 20% ของประชากรเด็กในโลกที่น้ำหนักเกิน ฟิตบิต จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการให้พ่อแม่มีตัวช่วยประเมินพฤติกรรมและเป็นเครื่องมือช่วยให้รู้ว่าลูก ๆ ได้ออกกำลังแค่ไหน มีสุขภาพอย่างไร ผ่านอุปกรณ์ชิ้นนี้ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นที่พ่อใจต่อเด็กและกลุ่มพ่อแม่
ที่สำคัญ ทั้งการหาวิธีการเอาชนะการออกกำลังที่น่าเบื่อ การผลิตสินค้าที่หลากหลายมีดีไซน์ให้เลือกมากขึ้นในราคาที่ถูกลง เพิ่มลูกเล่น เน้นการเข้าถึง และจับกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน ทำให้ตอนนี้ ฟิตบิต น่าจกลายเป็นสมาร์ทวอทช์ที่เปิดตัวรุกจนล้อมผู้บริโภคไว้แล้วหลายกลุ่ม พร้อมกับเปิดจำหน่ายทั้งออฟไลน์ออนไลน์ผ่าน B2S ร้านดอทไลฟ์คิงพาวเวอร์พาวเวอร์บาย วีมาร์ท และลาซาด้าแต่ไม่มีร้านนาฬิกาแม้จะได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ เพราะยุคนี้ดิจิทัลไลฟ์สไตล์คือตัวนำ ใครที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้โดยไม่ต้องทำเหมือนเดิม ก็มีโอกาสเกิดเป็นที่รู้จักในตลาดเท่าเทียมกัน.