ผู้เฒ่า "เสนาะ เทียนทอง" The Last Supper

“เสนาะ เทียนทอง” ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น เคยเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ดันหัวหน้าพรรค 3 คนขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” มาแล้วคือ “บรรหาร ศิลปอาชา” “พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ” และ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” …แต่เพราะเวลาผ่านไป สิ่งแวดล้อมทางการเมืองไม่เหมือนเดิม นับจากนี้จึงไม่มี “นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล” ในผลงานของ “ผู้เฒ่าเสนาะ” อีกต่อไป แม้เมื่อปลายปี 2551 ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองร้อนระอุ เขาจะพยายามโชว์เพาเวอร์สร้างผลงานชิงตั้ง “รัฐบาลเพื่อชาติ” ก็ตาม เพราะสัจธรรมอำนาจมีขึ้นและลง “เสนาะ เทียนทอง” ในวันนี้จึงหมดรูป

ในค่ำวันที่ 10 ธันวาคม 2551 ผู้เฒ่าแห่งวังน้ำเย็น เปิดบ้านพักย่านเมืองทองธานี พร้อมสำรับอาหารเต็มโต๊ะ รอรับแขกเกือบ 100 คน ทั้งไก่ย่าง ส้มตำ กุ้งเผา ปลาไหลผัดเผ็ด จากร้านนิตยาไก่ย่าง เพื่อดินเนอร์ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ร่วมกับพรรคการเมืองที่ “ป๋าเหนาะ” เชื้อเชิญไป 4 พรรค

ดินเนอร์มื้อนั้นน่าจะอร่อย และทำให้ “ผู้เฒ่า” ในวัย 76 ปี มีความสุข แต่ทุกอย่างเป็นไปตรงข้าม เพราะการเมืองพลิกเกม นักการเมืองต่างโหนหาขั้วใหม่ที่กำลังมีอำนาจอย่างพรรค “ประชาธิปัตย์” แม้แต่ “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แคนดิเคตเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ “เสนาะ” ประกาศผลักดันสุดตัว ก็ให้เหตุผลว่าเจ็บคอมาร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้ หรือบางคนต้องติดธุระไปทำฟัน อย่าง “อนงค์วรรณ เทพสุทิน” อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย

คงไม่มีความรู้สึกใดทำให้น้อยใจได้เท่ากับ “ผู้เฒ่าที่ต้องรอเก้อ” หลังจากนั้น “เสนาะ เทียนทอง” ก็หายเงียบไปจากการเมือง โลว์โปรไฟล์อย่างแทบไม่น่าเชื่อ

ต่างจาก “เสนาะ” ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ที่ออกมาเต็มตัว ผลักดันตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ

“ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลจะเกิดความยุ่งเหยิง บ้านเมืองเสียหายจนประเมินค่าไม่ได้ เสื้อแดงกับพันธมิตรจะชนกันอีก หากให้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาล ถามว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายกฯ จะไปทางใต้ได้หรือ แม้แต่ไปที่ไหนก็โดนโห่ไม่ยอมรับ แล้วจะเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร ถ้าเอาประชาธิปัตย์ขึ้นก็จะยิ่งกว่านี้ ถ้าไม่ทำตามข้อเสนอของผม เราจะไม่มีประเทศชาติให้เล่นการเมืองกัน ถ้าประชาชนยังแตกแยก ผู้นำไปไหนไม่ได้ จะยิ่งวิกฤตกว่านี้”

ดูเหมือนจะเป็นเนื้อหาสุดท้ายของผู้เฒ่าที่พูดแล้วเป็นข่าวช่วงปลายปี 2551

“เสนาะ” เริ่มเล่นการเมืองกอดคอมากับ “บรรหาร” โดยลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรกเมื่อปี 2519 สังกัดพรรคชาติไทย ในจังหวัดปราจีนบุรี ในพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น ซึ่งเป็นฐานธุรกิจดั้งเดิมของเขา (ภายหลังแยกมาอยู่ในจังหวัดสระแก้ว) ต่อมาได้เป็นเลขาธิการพรรค เมื่อ “บรรหาร” เป็นหัวหน้าพรรค และร่วมทางกันจน “บรรหาร” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2538

เมื่อพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ์ “บิ๊กจิ๋ว” เล่นการเมือง ตั้งพรรคความหวังใหม่ ใน ปี 2539 “เสนาะ” เลือกย้ายพรรค เมื่อ “บรรหาร” ประกาศยุบสภาหลังถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างหนัก มาเป็นเลขาธิการพรรคให้บิ๊กจิ๋ว และจัดการจน “บิ๊กจิ๋ว” ได้ขึ้นมานายกรัฐมนตรี จากนั้น ในปี 2544 ยอมถูกเทกโอเวอร์กลุ่มก๊วนการเมือง “วังน้ำเย็น” โดย พ.ต.ท.ทักษิณ และผลักดันให้ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุด

แต่เพราะการเทกโอเวอร์เพื่อสกัดคู่แข่ง หรือจะเรียกได้ว่าเอามาอยู่ในคอนโทรลอย่างเบ็ดเสร็จตามสไตล์ “ทักษิณ” ทำให้ “ผู้เฒ่า” ถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีกี่ครั้งเขาก็ไม่ได้มีส่วนในการจัดการใดๆ

“เสนาะ” เลือกเดินจาก “ทักษิณ” ลาออกจากพรรคไทยรักไทยในปี 2549 และตั้งพรรคการเมืองของตัวเองภายใต้ชื่อ “พรรคประชาราช” ความขัดแย้งระหว่าง “ทักษิณ” และ “เสนาะ” ร้าวลึกถึงขั้นที่ “เสนาะ” ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อขออภัยประชาชนที่ผลักดันให้ “ทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งแฉพฤติกรรมของ “ทักษิณ” อีกหลายประการอย่างไม่น่าเชื่อ

แม้ “เสนาะ” จะไม่พอใจ “ทักษิณ” แต่การเมืองก็คือการเมือง พรรคนอมินีของ “ทักษิณ” ได้ตั้งรัฐบาล “เสนาะ” ก็มี “ภรรยา” “อุไรวรรณ เทียนทอง “เป็นนอมีนีเข้าร่วมเป็นคณะรัฐมนตรีได้ กลายเป็นบทพิสูจน์ว่ามิตรแท้ และศัตรูทางการเมืองนั้นไม่มี

เมื่อ “เสนาะ” ออกโรง กับกลยุทธ์ “รัฐบาลเพื่อชาติ” หลายคนจึงสงสัยว่า ผู้เฒ่าแห่งวังน้ำเย็นหวนกลับมาช่วยเหลือ “ทักษิณ” อีกครั้ง หรือจริงใจต่อไประเทศชาติกันแน่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นักการเมืองรุ่นหลังต่างไม่แคร์ และหันหน้าเข้าหากระแสหลักกับรัฐบาล “อภิสิทธิ์” เพื่อประชาธิปัตย์กันอย่างเต็มที่

ความคลางแคลงใจ และความเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของพฤติกรรมนักการเมือง โดยเฉพาะระดับผู้อาวุโสเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้ถึงจุดเสื่อมอิทธิพลในวันใดวันหนึ่ง อย่างที่เห็น

Profile

Name เสนาะ เทียนทอง
Born 1 เมษายน 2477
Education ปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
Career Highlights
เส้นทางการเมือง
ปี 2518 เริ่มเล่นการเมืองสังกัดพรรคชาติไทย
ปี 2519 ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ครั้งแรก หลังจากนั้นได้เป็นเลขาธิการพรรคชาติไทย และย้ายเป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ในปี 2539 และย้ายกลุ่ม ส.ส. ในสังกัดภายใต้ชื่อกลุ่มวังน้ำเย็นสังกัดพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในปี 2544 โดย “เสนาะ” รับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค หลังจากในปี 2549 ลาออก และตั้งพรรคประชาราช

ตำแหน่งรัฐมนตรี
ปี 2529 เริ่มรับตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรกในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อเนื่องอีกหลายกระทรวง ในตำแหน่งสุดท้ายปี 2539 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

Family ภรรยาคนแรกคือนางจิตรา มีบุตรชาย 4 คน สรวงศ์ เทียนทอง, สุรศักดิ์ เทียนทอง, สุรเกียรติ เทียนทอง และ สุรชาติ เทียนทอง และบุตรสาว 1 คน สิริวัลย์ เทียนทอง ภรรยาคนที่สอง นางอุไรวรรณ มีบุตรชายด้วยกัน 1 คนคือ นายจตุฤทธิ์ เทียนทอง